“จิราพร” เผยจ่อตั้ง คกก.เฉพาะกิจดูแลปม “OPPO-realme”

ทำเนียบ 15 ม.ค.-“จิราพร” เรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องถกเครียด 2 ชั่วโมงครึ่ง ปม “OPPO-realme” เตรียมตั้ง คกก.เฉพาะกิจดูแลโดยเฉพาะ ขีดเส้นตายพรุ่งนี้ ต้องส่งข้อมูล “จำนวนเครื่อง-ผู้เสียหาย” ลั่นหากพบปล่อยกู้เกิน 15% ต้องมีคนรับผิดชอบ ชี้บริษัทมือถือผิดด้วย ฐานสนับสนุน โอดไม่สามารถใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยต้องบูรณาการหลายมิติ

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีการตรวจสอบ OPPO (ออปโป้) และ realme (เรียลมี) ติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อน โดยใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง


ภายหลังการประชุม นางสาวจิราพร เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ สคบ.ได้เชิญทั้ง 2 บริษัทเข้ามาชี้แจง และรับทราบว่า ทาง กสทช.ได้หาข้อมูลและข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน รวมถึงตำรวจสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือในประเด็นนี้ ซึ่งได้มีการสรุปเป็นประเด็นหลัก คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อยับยั้งความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ประสานกับบริษัทมือถือ เพื่อถอนแอปพลิเคชันออก โดยทั้ง 2 บริษัท จะแจ้งผลกลับมาภายในพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และขณะนี้เรายังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการที่สามารถบังคับให้เขาถอนแอปฯ ออกได้ เป็นเพียงขอความร่วมมือ

ส่วนการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ตนทราบว่า แม้แต่ กสทช. ก็ไม่ได้มีกฎหมายที่จะไปตรวจสอบแอปฯ ที่ติดตั้งมากับมือถือ อำนาจหน้าที่สามารถตรวจสอบได้เพียงฮาร์ดแวร์ และหน่วยงานอื่นๆ ไม่มีกฎหมายที่สามารถตรวจสอบเชิงรุกได้ จึงมีการพูดคุยกันว่าจะตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานขึ้นมา เพื่อดูว่าใครจะสามารถเป็นเจ้าภาพอุดช่องโหว่ เพื่อเป็นการป้องกันเชิงรุกได้


นางสาวจิราพร อธิบายว่า แอปฯ ในลักษณะนี้ มีอยู่ 2 ส่วน คือ แอปฯ ที่ติดมากับมือถือ ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อป้องกันการติดตั้งแอปฯ ที่ประชาชนไม่ต้องการและละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และอีกส่วนหนึ่ง เป็นแอปฯ ที่โหลดได้ในแอปสโตร์ หรือ เพลย์สโตร์ ตนได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะเป็นผู้ถือกฎหมายในการอนุญาตประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยจะไปดูว่ามีกลไกอะไร หรือตั้งคณะกรรมการที่มีตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจแอปฯ

ขณะเดียวกัน นางสาวจิราพร ยังระบุถึงการเปิดรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สคบ. ดูแลคุ้มครองผู้บริโภค จะดูคดีแพ่งให้กับประชาชน และดูแลเรื่องสิทธิของประชาชน ประสานกับ บก.ปคบ. อีกส่วนคือ ตำรวจ หรือ บก.ปคบ. จะรับเรื่องร้องเรียนจากสภาผู้บริโภค เพื่อดูว่าหน่วยงานใดในตำรวจจะรับผิดชอบดูแลต่อ

ส่วนจะสามารถไกล่เกลี่ยในส่วนที่มีประชาชนไปใช้งานเงินกู้และจ่ายดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าเงินต้นได้หรือไม่ นางสาวจิราพร กล่าวว่า หากมาร้องเรียนกับ สคบ. จะเชิญผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลว่า แอปฯ นั้นปล่อยเงินกู้เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งจะผิด พ.ร.บ.การธนาคาร แต่ในเบื้องต้น เท่าที่ตรวจสอบทั้ง 2 แอปฯ ไม่ได้ขออนุญาต ฟินอีซี่ เป็นเพียงแพลตฟอร์มการโฆษณา ไม่ใช่แอปฯ สำหรับการปล่อยกู้ แต่บริษัทปล่อยกู้เข้ามาโฆษณาในแอปฯ นั้น แต่แอปฯ สินเชื่อความสุข เป็นแอปฯ ปล่อยเงินกู้ และไม่ได้ขออนุญาต ตนจะให้ผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูล เพราะหากแอปฯ ดังกล่าวปล่อยกู้เกิน 15% ก็ถือว่าผิดกฎหมาย


เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีความพยายามอ้างว่า แอปฯ ถูกติดตั้งมาจากตัวเครื่องที่ประเทศจีน จะทำให้บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบหรือไม่ นางสาวจิราพร กล่าวว่า ทางตำรวจ สอท. เชิญบริษัทเข้ามาให้ข้อมูล และขีดเส้นในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) เพื่อสอบถามถึงที่มาการติดตั้งแอปฯ รวมถึงตรวจสอบว่าผิดกฏหมายใดหรือไม่

เมื่อถามต่อว่า หากมีความผิด ผู้ที่รับผิดชอบจะต้องเป็นส่วนใดบ้าง นางสาวจิราพร กล่าวว่า แอปฯ เป็นการติดตั้งโดยที่ไม่ได้รับการยินยอม หากตรวจสอบแล้วพบว่าให้กู้อัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็จะถือว่ามีความผิด และหากเป็นเช่นนี้จะถือว่าบริษัทมือถือมีส่วนสนับสนุนให้กระทำความผิด ทั้งบริษัทแอปฯ ออปโป้ และเรียลมี จะต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามย้ำว่า บริษัทที่รับผิดชอบต้องเป็นบริษัทที่ประเทศจีน หรือบริษัทตัวแทนจำหน่ายของประเทศไทย นางสาวจิราพร กล่าวว่า ต้องตรวจสอบว่าเจ้าของบริษัทเป็นคนจีนหรือคนไทย แต่บริษัทมือถือเองมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย อย่างไรก็ต้องมีคนรับผิดชอบในประเด็นนี้ ซึ่งโทษจะมีทั้งจำและปรับ ตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย หากตนจำไม่ผิดมีการปรับหลักล้าน

นางสาวจิราพร ยังระบุอีกว่า จากการประสานของ กสทช. จะทราบจำนวนเครื่องที่จำหน่ายไปแล้วในวันพรุ่งนี้ ขณะนี้มีผู้มาร้องเรียนต่อ สคบ. ประมาณ 20 ราย และมีผู้ร้องเรียนต่อสภาผู้บริโภคอีกส่วนหนึ่งด้วย พร้อมย้ำว่า ประชาชนที่ได้รับความเสียหายสามารถร้องเรียนได้กับ สคบ.ในหลายช่องทาง ทั้ง 1166 และออนไลน์ สิ่งใดที่เราสามารถใช้กฎหมายของ สคบ.ดูแลผู้บริโภคได้ ก็จะทำทันที อะไรที่เกินขอบเขตอำนาจ ก็จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและดูแลประชาชน

เมื่อถามว่า คนที่ลบแอปฯ ไปแล้ว แต่กลับมีไลน์มาทวงหนี้ จะจัดการอย่างไร นางสาวจิราพร กล่าวว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการอุดช่องโหว่ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ ยอมรับว่า บางทีไม่สามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องบูรณาการกันหลายมิติ.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งตรวจสอบ จยย.ต้องสงสัย ลานจอดรถสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย.- เจ้าหน้าที่ EOD เร่งตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย กลางลานจอดรถสนามบินภูเก็ต ด้าน ทภก. แจ้งไม่กระทบเที่ยวบิน แนะผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง วันที่ 25 มิ.ย.68 ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานภูเก็ต ได้รับแจ้ง พบรถจักรยานยนต์เข้ามาจอด บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ ฝั่งอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทภก. จำนวน 2 คัน ก่อนจะขับออกไปเพียง 1 คัน และทิ้งรถอีกคันไว้โดยไม่มีการแสดงตัวเป็นเจ้าของ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (Explosive Ordnance Disposal : EOD) กำลังเข้าดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด โดย ทภก. ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan : ACP บทที่ 4 การตรวจพบสิ่งของต้องสงสัยหรือวัตถุต้องห้าม กรณี ตรวจพบในพื้นที่ของสนามบิน เมื่อเวลา 16.20 น. […]

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]

กัมพูชาเข้มไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย

สุรินทร์ 25 มิ.ย. – ไทยเปิดด่านตามหลักมนุษยธรรม แต่กัมพูชายังเข้ม จุดช่องจอมไม่ยอมให้เด็กข้ามมาเรียนในไทย จุดผ่านแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ หลังจากปิดด่าน ทำให้เกิดผลกระทบชาวกัมพูชากับนักเรียนกัมพูชาที่ต้องข้ามฝั่งมาเรียน โดยชาวกัมพูชาบางคนมารอตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะข้ามฝั่งไปยังกัมพูชา ยืนยันว่าจะกลับมาทำงานที่ประเทศไทย อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันได้ และกลับมาเป็นเช่นเดิม ขณะที่คนขับรถส่งเด็กนักเรียน เล่าว่าตั้งแต่มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ทำให้ขึ้นมารับนักเรียนฝั่งกัมพูชาไปเรียนที่ฝั่งประเทศไทยไม่ได้ เป็นเวลา 2 อาทิตย์แล้ว มีทั้งนักเรียนอนุบาลและมัธยม ฝั่งไทยเปิดด่านตนมารอรับนักเรียนฝั่งกัมพูชา เพื่อมาเรียนที่ประเทศไทยทุกวัน แต่นักเรียนฝั่งกัมพูชาข้ามมาประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากฝั่งกัมพูชาไม่เปิดประตูให้ข้ามด่านมายังไทย แม้ฝั่งไทยจะอนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ให้นักเรียนสามารถข้ามแดนไป-กลับได้ เพื่อมาโรงเรียน แต่เช้าวันนี้ รถรับ-ส่ง นักเรียน ที่เข้าไปรับนักเรียนชาวกัมพูชาที่หน้าด่าน ต้องตีรถเปล่ากลับ เนื่องจากกัมพูชาไม่เปิดประตูให้นักเรียนกัมพูชาข้ามเข้ามาเรียนในไทย ล่าสุดประตูฝั่งกัมพูชาเปิดเวลา 10.00 น. โดยเจ้าหน้าที่จะให้ชาวกัมพูชาที่ป่วยกลับประเทศกัมพูชา หากเอกสารไม่ครบต้องไปประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการส่งกลับ รวมผู้ป่วยและพ่อค้าแม่ค้าที่ตกค้างมากกว่า 500 คน ส่วนรถตกค้างประมาณ 50 คัน ส่วนใหญ่เป็นของผู้ค้าในตลาดชายแดนช่องจอม ทั้งนี้ ฝั่งกัมพูชาปิดประตูเวลา […]