สธ.7พ.ค.-“อนุทิน” เผยไฟเซอร์รับปากสำรองวัคซีนให้ไทยแล้ว ประมาณ 10-20 ล้านโดส ครอบคลุมเด็ก 12 ปี ขึ้นไป ขณะที่กรมควบคุมโรคไม่เคยดึงนักธุรกิจมาฉีดวัคซีนเพื่อประชาสัมพันธ์ ส่วนการเดินทางไปฉีดที่สหรัฐ ย้ำ กต.ออกหนังสือชี้แจงว่า แต่ละรัฐมีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน ชี้บางคนที่ฉีดได้เพราะถือกรีนการ์ด ซึ่งเท่ากับเป็นการให้ข้อมูลไม่หมด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ว่า ทางบริษัทไฟเซอร์ ได้รับปากสำรองการผลิตวัคซีนโควิดให้กับไทย เพื่อใช้ในฉีดให้กับเด็กที่มีอายุ 12 -18 ปี และคาดว่าสามารถจัดส่งให้ได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ ประมาณ 10 – 20 ล้านโดส พร้อมเร่งรัดให้บริษัทเตรียมเอกสาร เพื่อยื่นกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ภายหลังการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันสำเร็จ ส่วนเรื่องราคาการ จัดซื้อ ไม่สามารถ เปิดเผยได้ ถือเป็นความลับ และ เกรงเกิดปัญหา เปรียบเทียบราคากับประเทศอื่น ที่เป็นคู่สัญญา
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีนายทอม เครือโสภณ นักธุรกิจ ออกมาดังกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มาให้ข้อมูลทั้งเรื่องการเดินทางไปฉีดวัคซีนโควิดที่สหรัฐอเมริกาฟรี และกรมควบคุมโรคเชิญนักธุรกิจไปฉีดวัคซีน เพื่อประชาสัมพันธ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่เคยเชิญนักธุรกิจคนดังกล่าวมาประชาสัมพันธ์เรื่องการฉีดวัคซีน รวมถึงการถ่ายคลิปในสถานพยาบาลเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และถือว่าผิดกฎหมายละเมิดสิทธิผู้ป่วย พร้อมย้ำที่ต้องออกมาเตือนเรื่องการเดินทางไปรับวัคซีน เพราะกลัวประชาชนจะต้องเสียเงินฟรี เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศออกมาชี้แจงแล้วว่าการรับวัคซีนโควิดเป็นเงื่อนไข ของแต่ละรัฐ ไม่ใช่ทุกรัฐ จะเหมือนกับหมอ อีกทั้งบางรัฐมีการฉีดให้กับคนที่ถือสัญชาติอเมริกัน ในกรณีนักธุรกิจชื่อดัง ก็ถือสัญชาติอเมริกัน ดังนั้นการให้ข้อมูลไม่หมดอาจทำให้ประชาชนสับสน พร้อมไม่กังวลที่ถูกโจมตี แค่อยากให้ข้อมูลประชาชนเท่านั้น
นพ.โอภาส กล่าวว่า ขอให้ความเชื่อมั่นว่า นโยบายของรัฐบาล เราจะจัดหาวัคซีนให้ประชาชนคนไทยโดยที่ไม่คิดมูลค่า อย่างน้อย 100 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรอย่างน้อย 50 ล้านคน ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทยด้วย ตัวอย่างของวันนี้ที่ทางบริษัทไฟเซอร์ ก็ยืนยันในการจัดหาวัคซีนให้ประเทศไทย ซึ่งเราก็จะนำมาฉีดให้กับเด็กอายุตั้งแต่ 12-18 ปี เพราะเป็นวัคซีนเดียวในขณะนี้ที่ประเทศแคนาดาอนุมัติให้ฉีดกับเด็กตั้งแต่12 ปีขึ้นไป และคาดว่าสหรัฐจะอนุมัติในเร็วๆ นี้ .-สำนักข่าวไทย