กรมการแพทย์ยังไม่ใช้โมเดลรักษาผู้ป่วยโควิดที่บ้าน

สธ.19 เม.ย.- กรมการแพทย์ยืนยันยังไม่ใช้โมเดลรักษาผู้ป่วยโควิดที่บ้าน เป็นการเตรียมการไว้กรณีฉุกเฉิน เกินขีดความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ ขณะนี้มีเตียงสำรองรองรับผู้ป่วยเหลือ 3,023 เตียง

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวยอมรับว่าขณะนี้เกิดปัญหาเรื่องของการรอเตียงในการรับบริการหลังติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่ใช่เพราะปัญหาเตียงไม่พอ เป็นการบริหารจัดการผ่อนถ่ายเตียงให้เพียงพอกับความต้องการที่แท้จริง โดยแบ่งผู้ติดเชื้อออกเป็นสีเขียว เหลือง แดง ซึ่งในกรณีผู้ป่วยสีเขียวอาการไม่รุนแรงสามารถนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel โดยขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่ตนเองรับการตรวจหาเชื้อว่าจะประสานให้พักรักษาตัวที่ใด ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะต้องนอนรับการรักษาในโรงพยาบาลทันทีเท่านั้น ทั้งนี้ในระหว่างรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่ แจกปรอทวัดไข้เพื่อดูระดับอุณหภูมิของร่างกาย มีการตรวจระดับออกซิเจนในเลือด พร้อมกันนี้จะให้ผู้ติดเชื้อทุกคนต้องออกกำลังกายบริหารก่อนวัดระดับออกซิเจนในเลือด เพื่อดูว่าปอดมีปัญหาหรือไม่ หากพบว่าอัตราการหายใจหรือค่าออกซิเจนในปอดเปลี่ยนประมาณร้อยละ 3 แสดงว่าเกิดความผิดปกติและต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที


นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีการเผยแพร่ข้อมูลการปฎิบัติตัวกรณีรักษาตัวที่บ้าน ยืนยันว่าเป็นความหวังดีที่เข้าใจผิด เพราะเป็นการหารือร่วมกันในกลุ่มแพทย์ที่เตรียมไว้กรณีพบจำนวนผู้ป่วยเกินขีดความสามารถที่กำลังของบุคลากรทางการแพทย์จะรับไหว ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการดูแลผู้ป่วยแบบนี้ และไม่เข้าใจว่าใครนำมาเผยแพร่ เนื่องจากขณะนี้การพบผู้ป่วยเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 กว่าคน หากเทียบหลายจังหวัดในสัดส่วนของกรุงเทพมหานคร พบ 200 -300 คนต่อวัน มีทั้งโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันจัดหา ทั้ง Hospitel และโรงพยาบาลสนาม จึงเชื่อว่าสามารถรองรับผู้ป่วยได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามข้อมูลจากการบริหารจัดการเตียงในเดือน เม.ย. จากสังกัดกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร รพ.ตำรวจ โรงเรียนแพทย์ รพ.เอกชน รพ.สนาม และ Hospitel มีทั้งหมด 9,317 เตียง จากเดิมที่เคยมี 6,000 – 7,000 เตียง และมีการครองเตียงอยู่ 6,294 เตียง และยังว่างอยู่ 3,023 เตียง ส่วนกรณีการจัดแก้ไขปัญหาการรับส่งคนติดเชื้อ ได้ประสานสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) จัดหารถดัดแปลงเพิ่ม อีก 100 คันทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการดูแลของศูนย์เอราวัณ 1669 . -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ฆ่าตัดนิ้ว

เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการ ชิงทรัพย์ล้างหนี้พนัน

หญิงวัย 56 ปี เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ก่อนนำทรัพย์สินไปขายใช้หนี้พนัน ตำรวจคุมตัวไปตามหาทรัพย์สินของกลาง อ้างลงมือก่อเหตุคนเดียว