สุเอซ 28 มี.ค.- เจ้าหน้าที่คลองสุเอซของอียิปต์คาดหวังว่า เรือบรรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่เกยตื้นขวางคลองมาตั้งแต่วันอังคารจะสามารถลอยลำได้อีกครั้งภายในเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากความพยายามเมื่อวานนี้ล้มเหลว
เจ้าหน้าที่เผยว่า เมื่อวานนี้คนงานช่วยกันขุดทรายออกไป 20,000 ตัน เรือโยง 14 ลำพยายามดันเรือเอเวอร์กิฟเวน (Ever Given) ไปมาหวังให้หลุดจากการเกยตื้น สามารถขยับเรือไปทางซ้ายขวาได้ข้างละ 30 องศา แม้ว่ากระแสน้ำสูงและลมแรงเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการก็ตาม เรือโยงพากันเปิดหวูดแสดงความดีใจฉลองชัยชนะเล็ก ๆ นี้
นายพลโอซามา ราบี ประธานสำนักงานบริหารคลองสุเอซเผยระหว่างแถลงข่าวว่า เริ่มมีน้ำไหลใต้ท้องเรือแล้ว คาดว่าเรือจะขยับและเคลื่อนออกจากจุดที่เกยตื้นได้ในอีกไม่นาน โดยไม่จำเป็นต้องขนถ่ายตู้สินค้าลงบางส่วนจากที่มีอยู่ทั้งหมด 18,300 ตู้ เพื่อให้เรือมีน้ำหนักบรรทุกลดลง ส่วนเรื่องที่มีรายงานเบื้องต้นว่า เรือระวางขับน้ำ 20,000 ตัน ยาว 400 เมตรลำนี้เกยตื้นเนื่องจากกระแสลมแรงและพายุทรายเป็นอุปสรรคต่อทัศนวิสัยนั้น นายพลราบีระบุว่า สภาพอากาศไม่ดีไม่ใช่สาเหตุหลัก น่าจะเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคหรือความผิดพลาดของคนมากกว่า ผลการสอบสวนจะทำให้เห็นปัจจัยเหล่านี้ชัดเจนขึ้น
เรือเอเวอร์กิฟเวนเป็นของโชเอคิเซน บริษัทของญี่ปุ่น เดินเรือโดยเอเวอร์กรีนมารีน บริษัทเดินเรือไต้หวัน ประธานโชเอคิเซนเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ดูเหมือนเรือไม่เสียหายเพราะไม่มีน้ำเข้าเรือ ทันทีที่ลอยลำได้ก็จะเดินเรือได้อีกครั้ง การที่เรือเกยตื้นขวางคลองที่เป็นเส้นทางการค้าสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ทำให้มีเรือจอดรอทั้งสองฝั่งไม่ต่ำกว่า 300 ลำแล้ว คิดเป็นมูลค่าสินค้าที่ถูกกักอยู่วันละ 9,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 295,000 ล้านบาท) หรือชั่วโมงละ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12,300 ล้านบาท) ตามการประเมินของวารสารลอยด์สลิสต์ การค้าโลกร้อยละ 12 ผ่านคลองสายนี้ที่มีความยาว 193 กิโลเมตร เชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดง จึงเป็นเส้นทางลัดที่สุดระหว่างยุโรปกับเอเชีย หากเดินเรืออ้อมแหลมกู้ดโฮป ทางใต้สุดของทวีปแอฟริกา จะใช้เวลานานขึ้น 2 สัปดาห์ ด้านอียิปต์เผยว่า สูญเสียรายได้จากการปิดคลองมากถึงวันละ 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 430 ล้านบาท).-สำนักข่าวไทย