กรุงเทพฯ 21 มี.ค.-เพื่อไทย ประณามเหตุสลาย #ม็อบ20มีนา ลุแก่อำนาจ เจตนาทำร้ายประชาชน ส่งเรื่อง กมธ.ต่างประเทศ – กมธ.เด็กฯ สอบผู้เกี่ยวข้อง
นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมช่วงค่ำของวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา พฤติการณ์ที่ปรากฏจากคลิปที่หลายฝ่ายได้นำมาแสดง นอกจากการใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง การฉีดน้ำ ยังเห็นได้ชัดเจนว่ามีการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่เกินกว่าเหตุ การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐจึงมิใช่การปฏิบัติหน้าที่ตามสมควรของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุและผิดกฎหมาย พรรคเพื่อไทยขอประณามการกระทำดังกล่าว นายกรัฐมนตรีและในฐานะประธาน ก.ตร. ผู้กำกับสั่งการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การดำเนินคดีกับเด็กและเยาวชนจำนวน 7 คนนั้น ซึ่งบางคนมีอายุเพียง 14 ปี อยากให้รัฐตระหนักและขอเรียกร้องให้มีการคุ้มครองสิทธิในการแสดงออกของเด็กและเยาวชน ใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ว่าไว้ 4 เรื่องคือ
1.การห้ามเลือกปฏิบัติต่อเด็กและการให้ความสำคัญแก่เด็กทุกคนเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิด หรือสถานะอื่นๆ ของเด็ก หรือบิดามารดา หรือผู้ปกครองทางกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน
2.การกระทำหรือการดำเนินการทั้งหลายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอันดับแรก (best interest of the child)
3.สิทธิในการมีชีวิต การอยู่รอด และการพัฒนาทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคม
4.สิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก และการให้ความสำคัญกับความคิดเหล่านั้น
นอกจากนี้ยังมีภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Optional Protocol to the CRC) ที่มี 3 ฉบับ หนึ่งในนั้นว่าด้วย กระบวนการติดต่อร้องเรียน
นางสาวอรุณี กล่าวต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคเพื่อไทยได้หารือกับประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน องค์กรระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็ก เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเร็วที่สุด .-สำนักข่าวไทย