เวลลิงตัน 13 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์กล่าวในพิธีรำลึกเหตุกราดยิงมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 ว่า นิวซีแลนด์มีหน้าที่สนับสนุนดูแลชุมชนชาวมุสลิม
ประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธีรำลึกที่จัดขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ตำรวจพร้อมอาวุธประจำการหน้าสถานที่จัดงาน มีสุนัขตำรวจคอยดมตรวจสอบกระเป๋าของผู้เข้าร่วมงาน นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นกล่าวว่า ถ้อยคำต่าง ๆ แม้สามารถปลอบโยนแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ชีวิตของชาย หญิง และเด็กถูกพรากไปเพราะการกระทำที่เลวร้าย ลำพังคำพูดไม่สามารถขจัดความกลัวที่เกิดขึ้นกับชุมชนชาวมุสลิมได้ สิ่งที่ควรเกิดขึ้นหลังจากนี้คือ การเป็นประเทศที่ทุกคนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น ยืนหยัดภาคภูมิใจในความหลากหลาย และปกป้องอย่างเด็ดเดี่ยว
เหตุกราดยิงดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 คน บาดเจ็บราว 40 คน นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางที่แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้รอดชีวิตและครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น อีกทั้งยังสั่งเข้มงวดอาวุธปืนในประเทศทันที ชายที่รอดชีวิตกล่าวในพิธีรำลึกว่า ถูกยิง 9 นัดเข้าที่ใบหน้า แขนและขา แต่แผลทั้งหมดของเขาเทียบไม่ได้เลยกับเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคนที่ทราบข่าวร้ายระหว่างรอรับการรักษาด้วยกันว่า ลูกน้อยวัย 3 ขวบถูกพรากชีวิตไปแล้ว จนถึงขณะนี้เขารับการผ่าตัดใหญ่ไปแล้ว 7 ครั้ง และต้องผ่าตัดเพิ่มอีก แต่ก็คงต้องใช้ชีวิตกับเศษกระสุนที่ยังฝังอยู่ในตัวจำนวนหนึ่งไปตลอดชีวิต ส่วนสตรีที่สูญเสียสามีไปในเหตุการณ์นี้กล่าวว่า การแก้แค้นที่ดีที่สุดคือ การไม่ทำตัวแบบศัตรูที่ก่อเหตุ เราต้องเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นเชิดหน้าอย่างมีศักดิ์ศรีและใช้ชีวิตให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้
ผู้ก่อเหตุคือ นายเบรนตัน แทร์เรนต์ ชายออสเตรเลียที่ประกาศตัวว่าคลั่งเชื้อชาติผิวขาวถูกจับกุมทันทีเพราะถ่ายทอดสดออนไลน์ขณะกราดยิงที่มัสยิด 2 แห่ง เขารับสารภาพทุกข้อหาประกอบด้วยฆาตกรรม 51 กระทง พยายามฆ่า 40 กระทง และก่อการร้าย 1 กระทง ถูกตัดสินเมื่อปีที่แล้วให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บน เป็นนักโทษคนแรกในนิวซีแลนด์ที่ถูกจำคุกตลอดชีวิต และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตำรวจเมืองไครสต์เชิร์ชได้ควบคุมตัวชายวัย 27 ปี พร้อมกับตั้งข้อหาขู่ฆ่า เพราะขู่ออนไลน์ว่าจะก่อเหตุที่มัสยิดเดียวกันกับนายแทร์เรนต์.-สำนักข่าวไทย