กทม. 18 ธ.ค.-“ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง เป็นฮีโร่ ยิงสองประตู พาทีมชาติไทย เอาชนะอินโดนีเซีย 2-0 สกอร์รวมชนะ 3-2 คว้าแชมป์อาเซียนได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 5
ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ทีมชาติไทย อดีตแชมป์ 4 สมัย ในเสื้อสีน้ำเงิน พบกับ อินโดนีเซีย รองแชมป์ 4 สมัย เกมแรก อินโดนีเซียชนะไทยมาก่อน 2-1 เกมนี้ ชาริล ชัปปุยส์ คืนสนามเป็นตัวจริง ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 เหมือนกับเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่คว้าแชมป์ในมาเลเซีย
เกมครึ่งแรกอินโดนีเซียตั้งรับหวังยันสกอร์รวมที่นำอยู่ให้ได้ พร้อมไปตั้งรับลึกในแดนตัวเอง ทำให้ไทยเจาะไม่เข้าอยู่พักใหญ่ อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 37 ทีมชาติไทยมาได้ประตูนำ ธีราทร บุญมาทัน จ่ายบอลไปที่เสาแรก แนวรับอินโดนีเซีย สกัดบอลไม่ขาด มาเข้าทาง สิโรจน์ ฉัตรทอง ยิงเข้าไป ไทยนำก่อนในครึ่งแรก 1-0
ครึ่งหลังนาทีที่ 46 ชนาธิป สรงกระสินธ์ จ่ายบอลลอดหว่างขานักเตะ อินโดนีเซีย ให้ สิโรจน์ ปั่นหนีมือผู้รักษาประตูทีมเยือนเข้าไป ไทยนำเป็น 2-0
นาทีที่ 77 เคอร์เนีย เฮอร์มันสยาห์ นายทวารอินโดนีเซีย ไปทำฟาวล์ สิโรจน์ ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษ ก่อนที่ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา จะรับหน้าที่สังหาร แต่ไปติดเซฟของ เฮอร์มานสยาห์ ที่แก้ตัวได้สำเร็จ
ช่วงทดเวลาการแข่งขัน อับดู เลสตาลูฮู ของอินโดนีเซีย ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ไปเตะบอลอัดใส่ซุ้มม้านั่งสำรองทีมไทย ผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ เลสตาลูฮู ออกจากสนาม ก่อนที่ไทย จะเอาชนะอินโดนีเซียไป 2-0 รวมสองนัด ไทยชนะ 3-2 คว้าแชมป์อาเซียนมากที่สุดที่ 5 สมัย จากการเข้าชิงทั้งหมด 8 ครั้ง
หลังจบเกม ฝ่ายผู้จัดการแข่งขันได้มอบรางวัลส่วนตัวให้กับนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดย “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา คว้ารางวัลดาวซัลโวด้วยจำนวน 6 ประตู โดยเป็นซูซูกิ คัพ ครั้งที่ 3 ที่เขาเป็นดาวซัลโว หลังเคยได้มาก่อนหน้านี้ในปี 2008 เป็นดาวซัลโวร่วม และปี 2012
ขณะที่ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยม โดยเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ ที่คว้ารางวัลดังกล่าวได้ 2 สมัยติดต่อกัน
โดยหลังจบการมอบรางวัล ฝ่ายจัดการแข่งขันได้มอบถ้วยแชมป์ให้กับ “กัปตันมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ผู้นำทีมในรายการนี้ ชูถ้วยแชมป์ โดยหลังจากฉลองแชมป์บนปรัมพิธีบริเวณกลางสนาม นักเตะพร้อมทีมงานสต๊าฟโค้ชพร้อมใจกันแปรอักษรเป็นเลข ๙ ไทย พร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10.-สำนักข่าวไทย