กรุงเทพฯ 8 ก.พ. – ผลสำรวจใช้จ่ายตรุษจีนปี 64 คนส่วนใหญ่กังวลโควิดใช้จ่ายน้อยลงติดลบกว่าร้อยละ 21 แต่ยังมั่นใจโครงการภาครัฐจะดันเศรษฐกิจไทยดีขึ้นได้ปลายไตรมาส 2 เป็นบวกได้
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาศูนย์พยาการณ์เศรษฐกิจแลธุรกิจ มหาวิทยาลัหอการค้าไทย พฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2564” ว่า จากผลสำรวจประชาชนกว่า 1,200 ตัวอย่างระบุว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่พบว่ากลุ่มประชาชนเชื้อสายจีนยังคงจะไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษ แต่ส่วนใหญ่ยังคงกังวลปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ทำให้เทศกาลตรุษจีนในปี 64 นี้ ไม่ค่อยจะคึกคักมากนัก เพราะไม่มีมั่นใจปัญหาของโควิดมากนัก
นอกจากนี้ การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปี 64 นี้ หากเทียบกับช่วงเทศกาลตรุษจีนในปี 63 ที่ผ่านมาถือว่าติดลบเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 21.85 หรือมีเม็ดเงินสะพัดในช่วงเทศกาลปีนี้เพียง 44,939 .67 ล้านบาท โดยเทียบกับปี 63 ติดลบเพียงร้อยละ 1.30 หรือมีเงินสะพัดมากกว่า 57,639 ล้านบาท เหตุผลที่การจับจ่ายน้อยลงมาจากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด -19 ทั้งรอบเก่าและระลอกให้เป็นสำคัญ ประกอบกับปัญหาทางเศรษฐกิจคนมีกำลังการจับจ่ายใช้สอยลดลง ซึ่งคนจะนำเงินจากที่ได้รับการช่วยเหลือผ่านโครงการของรัฐมาดำเนินการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะนำมาซื้อของเซ่นไหว้เป็นสำคัญ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าโดยภาพรวมเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ คงจะไม่คึกคักมากนัก และถือว่าต่ำสุดในรอบ 13 ปี เกิดจากปัญหาความกังวลต่อปัญหาโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถจะท่องเที่ยวได้มากนัก ประกอบกับคนยังระระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย จึงทำให้การใช้จ่ายซื้อสินค้าเซ่นไหว้ในช่วงตรุษจีนกันไม่มากนัก
ทั้งนี้ ในช่วงนี้ยังมีเม็ดเงินอัดฉีดผ่านโครงการภาครัฐอีกหลายโครงการ ดังนั้น แม้ว่าเทศกาลตรุษจีนในปีนี้จะติดลบมากกว่าร้อยละ 21 หรือมีเงินหายจากระบบเมื่อเทียบกับตรุษจีนของปีที่ผ่านมากว่า 12,000 ล้านบาท แต่ก็เชื่อว่ายังคงต้องติดตามโครงการไทยชนะและโครงการเรารักกัน โครงการคนละครึ่งที่จะมีเม็ดเงินรวมกันรวมกว่า 330,000 ล้านบาทที่จะอัดฉีดเข้าระบบได้ต่อเนื่องไปอีก จึงเชื่อว่าจะดันเศรษฐกิจไทยกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ของปี 64 นี้ได้ . – สำนักข่าวไทย