6 ก.พ. – หลังจากชิมลางกันไปในฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพ ในการเตะแบบปิดหลังกลับมาจากโควิด ฟุตบอลไทยลีก จะกลับมาเตะกันแบบเต็มสูบยาวไปจนถึงวันที่ 28 มีนาคม จนจบฤดูกาล และอย่าแปลกใจ หากในเกมวันนี้ แต่ละทีมจะมีการใช้โควตาเปลี่ยนตัวกันถึง 5 คน เพราะไทยลีกได้ออกระเบียบพิเศษในช่วงปลายฤดูกาลนี้ตามการอนุมัตของฟีฟ่า เนื่องจากมีคิวเตะแน่น จึงต้องเซฟไม่ให้นักกีฬาเจ็บหรือล้า
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 กลับมาเล่นได้เข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง และล่าสุดเก็บชัยชนะติดต่อกันมาแล้ว 5 แมตช์ในทุกรายการ แถมสถิติการเสียประตูยังดีเยี่ยม 5 นัด เสียไปลูกเดียว เกมล่าสุดเล่นแบบมาราธอนกับการท่าเรือ เอฟซี ในเกมเอฟเอคัพ ก่อนดวลจุดโทษเอาชนะไปได้ 9-8 ผ่านเข้าไปรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว
หลังจาก อเล็กซานเดร กาม่า เข้ามารับหน้าที่ ก็แปลงโฉมทีมเป็นปราสาทสายฟ้าโฉมใหม่ จากนักเตะสายเซิร์บมาใช้คอนเนกชั่นนักเตะบราซิลเป็นแกนหลัก นำโดย ซามูเอล โรซ่า กองหน้าตัวเด่นที่ทำไปแล้ว 1 ประตู ในเกมประเดิมสนามนัดแรกไทยลีกกับชลบุรี ส่วนแผงหลังที่เสริมเข้ามาใหม่ คือ ดิเกา เป็นกองหลังพันธุ์ดุที่เข้ามาแทนในตำแหน่งของ เรนาโต้ เคลิช แดนกลาง มี แบรนดอน โอนีล กองกลางทีมชาติออสเตรเลีย คุมเกม ประกอบกับการกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งของนักเตะไทย ทีมให้ทีมแกร่งขึ้นกว่าช่วงเลกแรก แม้โอกาสลุ้นแชมป์จะเลือนราง เพราะแต้มห่างถึง 18 คะแนน
ด้าน ราชบุรี มิตรผล เอฟซี อันดับ 3 ยังคงรักษาอันดับได้ดี แม้ว่าทีมจะเสียดาวยิงสูงสุดของทีมไปอย่าง ยานนิค โบลี่ ที่ย้ายไปการท่าเรือ เอฟซี แต่พวกเขาก็ยังเองก็ยังคงประคองตัวเองได้ดีอยู่ แถมพวกเขายังมีสถิติดีในการลงสนามพบกับบุรีรัมย์อีกด้วย การพบกัน 2 ครั้งล่าสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ชนะได้ทั้ง 2 แมตช์ ชนะได้ 4-3 และในเกมฟุตบอลถ้วย ราชบุรี ชนะ 2-1 แต่การเล่นในเกมไปเยือน บุรีรัมย์ เคยถล่มราชบุรีไปถึง 6-0 ในการพบกันล่าสุดที่ช้าง สเตเดียม
ดังนั้นเกมวันนี้ ที่ช่อง 9 MCOTHD หมายเลข 30 จะถ่ายทอดสดในเวลา 17.00 น. ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อันดับ 4 เปิดบ้าน ราชบุรี มิตรผล อันดับ 3 นอกเสียจากจะเป็นการแย่งอันดับกันแล้ว จะยังเป็นการวัดด้วยว่า ราชบุรีที่ทำผลงานในการพบกับบุรีรัมย์ 2 นัดล่าสุดได้ด้วยการเก็บชัยชนะ จะยังคงทำผลงานได้ดีต่อเนื่องหรือไม่. – สำนักข่าวไทย