นนทบุรี 25 ม.ค. – พาณิชย์ระบุปัญหาโควิด-เงินบาทแข็งฉุดเป้าส่งออกข้าวปี 63 หลุดเหลือส่งออกได้เพียง 5.72 ล้านตัน พร้อมตั้งเป้าปี 64 เพียง 6 ล้านตัน กางแผนส่งเสริมตลาดข้าวไทยสู้วิกฤตโควิด
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศได้จัดการประชุมผ่านระบบ Zoom ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าการส่งออกข้าวไทยในปี 2564 โดยที่ประชุมฯ เห็นชอบร่วมกันในการกำหนดเป้าการส่งออกข้าวไทยที่ปริมาณ 6 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณใกล้เคียงกับการส่งออกในปี 2563 ที่ส่งออกได้ทั้งปีรวม 5.72 ล้านตัน คิดเป็น มูลค่า 1.16 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ที่มีปริมาณ 7.58 ล้านตัน มูลค่า 1.31 แสนล้านบาท โดยปริมาณลดลงร้อยละ 24.54 หรือคิดเป็นมูลค่าลดลงร้อยละ 11.23 จากเดิมตั้งเป้าหมายปี 63 น่าจะส่งออกข้าวไทยได้มากกว่า 6-6.5 ล้านตันเป็นต้น
ทั้งนี้ โดยปัจจัยหลักที่จะยังคงส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยในปี 2564 ได้แก่ ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งสำคัญ เช่น อินเดีย และ เวียดนาม ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นระยะ ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังคงมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ส่งออก ประกอบกับผู้นำเข้าหลายประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง ดังนั้น การกำหนดเป้าส่งออกข้าวไทยที่ปริมาณ 6 ล้านตัน ถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดข้าวทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในต่างประเทศในปี 2564 ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ที่กลับมามีความรุนแรงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ทำให้กรมฯ ไม่สามารถเดินทางไปพบปะกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในต่างประเทศดังเช่นที่ผ่านมาได้ อย่างไรก็ตาม กรมฯ ในฐานะหนึ่งในหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563 – 2567 จะใช้โอกาสนี้ในการเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ข้าวไทยให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทย การจัด Workshop เพื่อพิจารณาแนวทางผลักดันการพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยประสานกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งการจัดทำข้อมูลตลาดข้าวเชิงลึกเพื่อส่งต่อให้หน่วยงานภาคการผลิตต่อไป เพื่อให้ไทยสามารถผลิตสินค้าข้าวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละตลาดมากขึ้น
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการดำเนินการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในต่างประเทศจาก Offline เป็น Online มากขึ้น โดยแผนดังกล่าวให้ความสำคัญกับการรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและการแสวงหากลุ่มลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมตลาดข้าวมากขึ้น ซึ่งกิจกรรมหลักที่จะจัดขึ้นในปีนี้ คือ 1.การหารือกระชับความสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศคู่ค้าสำคัญ ผ่านระบบ Video conferenceอาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย อิรัก บังกลาเทศ เป็นต้น รวมทั้งการหารือประเทศผู้ส่งออกข้าว เช่น เวียดนาม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์การผลิตและตลาดข้าว 2.การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ข้าวไทยเพื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ 3.จัดกิจกรรมต่อยอดข้าวหอมมะลิไทยที่ได้เเชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกปี 2563 (World’s Best Rice 2020) ผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ทั้งนี้ แม้วิกฤต COVID – 19 จะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเศรษฐกิจการค้าทั่วโลก กรมการค้าต่างประเทศจะยังคงเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวไทย ด้านการตลาดต่างประเทศ โดยทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่อการส่งออกข้าวไทย รวมทั้งดำเนินการร่วมกับ สคต. ทั่วโลกในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้าวไทย ทั้งในด้านคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัย และคุณประโยชน์ของข้าวไทยให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถรักษาและขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศและสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าในฐานะที่ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวคุณภาพของโลกต่อไป . – สำนักข่าวไทย