ภูมิภาค 31 ธ.ค. – สถานการณ์โควิด-19 จังหวัดระยอง ยังระบาดไม่หยุด วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 77 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 279 ราย ใกล้แตะหลัก 300 รายแล้ว
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง แถลงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่วันนี้ (31 ธ.ค.) ว่ายังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 77 ราย รวมยอดสะสมเดิม 202 ราย จากเมื่อวานนี้ เป็น 279 ราย ใกล้แตะหลัก 300 แล้ว เสียชีวิต 1 ราย จึง มีความจำเป็นต้องเร่งเปิดโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเตียงรองรับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลระยอง และโรงพยาบาลที่จัดเตรียมไว้อีก 2 แห่ง เกือบเต็มแล้ว
ความคืบหน้าในการเปิดโรงพยาบาลสนาม ขณะนี้จัดสถานที่เพื่อรองรับแล้ว 1 แห่ง ขนาด 70 เตียง ในตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย โดยอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมด้านธุรการเท่านั้น นอกจากนี้ยังจะจัดหาเพิ่มอีก 200 เตียง เพื่อเตรียมไว้รองรับผู้ป่วยที่ยังมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกำลังเจรจาเรื่องสถานที่ ยืนยันยังจะไม่ประกาศล็อกดาวน์จังหวัด แต่ขอความร่วมมือชาวระยองล็อกดาวน์ตัวเอง อยู่บ้าน สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงเข้าไปในที่แออัด
พร้อมฝากให้ผู้ที่นั่งรถโดยสารของบริษัทนครชัยแอร์ สาย 659-1 เชียงใหม่-ระยอง หมายเลขทะเบียน 10-2337 ระยอง ช่วงระหว่างวันที่ 17-26 ธันวาคม 2563 ไปรายงานตัวกับสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยด่วน เพื่อประเมินความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 หลังจากล่าสุดพบว่าพนักงานขับรถโดยสารคันดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา
ด้าน พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่แพปลาสีหนาท บ้านก้นปึก ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อติดตามสถานการณ์โควิด-19 ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจคัดกรองบรรดาแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่กับเรือประมงในพื้นที่ เบื้องต้นในส่วนผู้ประกอบการเรือประมง ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ระเบียบข้อกำหนด ติดตั้งอุปกรณ์ในการติดตามเรือ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา แรงงานหรือลูกเรือทุกคนลงทะเบียนทุกคน ไม่มีแรงงานผิดกฎหมายลักลอบเข้ามา ส่วนสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากขึ้น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มากหมายถึงประสิทธิภาพของทีมแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่พยายามค้นหา เพื่อยับยั้งหยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และขนส่งจังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่สถานีขนส่งจังหวัดชลบุรี ตำบลหนองไม้แดง เพื่อตรวจมาตรการการคุมเข้มการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีประชาชนมาใช้บริการตามสถานีขนส่ง จึงทำให้ต้องมีการคุมเข้ม ตั้งจุดคัดกรอง การแจกแจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยให้กับผู้โดยสาร และอยากให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตนตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ส่วนผู้ที่ติดเชื้อในพื้นที่ได้มีการนำตัวมาดูแลในสถานที่กักตัวเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ที่ไปเกี่ยวข้องกับการเล่นการพนัน อบายมุข จนติดเชื้อโควิด-19 นายกรัฐมนตรีได้ออกมาย้ำในเรื่องอบายมุข เพราะมีการรวมตัวกันทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด จะต้องดำเนินการไม่ให้มีโดยเด็ดขาด
บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ (แหลมบาลีฮาย) เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นจุดสัญจรเดินทางขึ้นเรือข้ามฟากไปยังบ้านเกาะล้าน เมืองพัทยาได้ร่วมกับอำเภอบางละมุง และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ คุมเข้มมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 หลังจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และประกาศเป็นพื้นที่สีแดง โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ กำหนดการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลให้กับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการยังท่าเทียบเรือ
ด้านนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดชลบุรียังไม่ได้มีการประกาศล็อกดาวน์ จึงทำให้ทุกคนสามารถเดินทางมาพักผ่อนและท่องเที่ยวได้ตามปกติ แต่รูปแบบการท่องเที่ยวต้องมีการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรการของภาครัฐ เพื่อความปลอดภัย และเร็วๆ นี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีจะพิจารณาปลดล็อกในบางมาตรการ เพื่อให้การขับเคลื่อนจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยาเป็นไปอย่างสมดุล
ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์ห่วงใยคนสาคร (วัดโกรกกราก) ตำบลโกรกกราก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นวันแรกที่เริ่มมีการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการไม่รุนแรง จำนวน 30 คน เข้ามาพักในศูนย์ห่วงใยคนสาคร (วัดโกรกกราก) จนกว่าจะตรวจไม่พบเชื้อและมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง จึงจะได้กลับออกไปใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งสถานที่แห่งนี้จัดเตียงสนามรองรับผู้ติดเชื้อไว้ 140 คน มีหัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ห้ามบุคคลใดที่ไม่ได้รับอนุญาต เข้าไปหรือออกจากสถานที่ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรค ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ .-สำนักข่าวไทย