วอชิงตัน 23 ธ.ค.- สื่ออเมริการายงานว่า เมียนมาประท้วงจีนที่กั้นรั้วลวดหนามบริเวณพรมแดนจีนด้านติดกับรัฐฉาน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
เว็บไซต์สถานีวิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า จีนเริ่มสร้างกำแพงใหญ่ทางใต้ (Southern Great Wall) เมื่อต้นปี ขณะนี้สร้างเสร็จไปแล้วเป็นระยะทาง 660 กิโลเมตรตั้งแต่เดือนกันยายน และได้เริ่มกั้นรั้วด้านติดกับสามเมืองที่อยู่เขตปกครองตนเองโกก้างในเดือนเดียวกัน บางจุดมีความสูงถึง 3 เมตร สื่อจีนรายงานว่า เป็นไปเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เข้ามาระบาดในจีนด้วยการสกัดการลอบข้ามพรมแดนในทั้งสองฝั่ง
ทางการเมืองเล่าก่าย เมืองเอกของโกก้างเผยว่า จีนแจ้งว่ากั้นรั้วเพื่อป้องกันคนลอบเข้าเมืองช่วงโควิดระบาดหนัก และจะรื้อทิ้งทันทีที่สถานการณ์การระบาดดีขึ้น เป็นรั้วลวดหนามที่ดูเหมือนสร้างขึ้นชั่วคราว ไม่มีกล้องวงจรปิด และไม่ได้เปิดกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนและต้นธันวาคม พบว่ารั้วยังคงอยู่ จึงได้แจ้งประท้วงไปยังทางการจีนแล้ว เพราะละเมิดสนธิสัญญาปักปันเขตแดนปี 2504 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือรั้วภายใน 10 เมตรของเส้นแบ่งพรมแดน
เลขาธิการพรรคประชาธิปไตยโกก้างเผยว่า จีนกั้นรั้วในอีกหลายพื้นที่ที่ติดกับเมียนมา ไม่รู้ว่าเจตนาคืออะไร ด้านผู้อำนวยกรมชายแดน กระทรวงต่างประเทศเมียนมากล่าวว่า สนธิสัญญาปี 2504 อนุญาตให้สร้างรั้วชั่วคราว แต่ห้ามสร้างกำแพงถาวร รัฐบาลได้ยื่นประท้วงจีนแล้วเรื่องสร้างรั้ว 8 แห่งภายใน 10 เมตรของเส้นแบ่งพรมแดน ทางการทั้งสองฝ่ายจะหารือเรื่องนี้ต่อไป
ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขของเมียนมาแจ้งว่า มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมจนถึงวันอังคาร 117,946 คน เสียชีวิต 2,484 คน ขณะที่ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขจีนแจ้งว่า มีผู้ป่วย 86,867 คน เสียชีวิต 4,634 คน.-สำนักข่าวไทย