เงินเฟ้อ พ.ย.ติดลบน้อยลงต่อเนื่อง

นนทบุรี 4 ธ.ค. – พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ พ.ย.ติดลบน้อยลงต่อเนื่อง เหตุกลุ่มอาหารสดสูง ระมัดระวังใช้จ่ายช่วงโควิด มั่นใจทั้งปีตามคาดการณ์ ปีหน้าเงินเฟ้อบวกร้อยละ 1.2-1.7


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายน 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนลดลงร้อยละ 0.41 ติดลบน้อยลงเป็นเดือนที่ 2 ดีขึ้นจากเดือนก่อนเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มอาหารสด ความต้องการสูง รวมถึงราคาสุกรความต้องการบริโภคในตลาดต่างประเทศยังต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคากลุ่มพลังงานทรงตัวไม่ได้ปรับขึ้นหรือลงมาก ส่วนสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปริมาณสินค้า ความต้องการ แต่สินค้าโดยรวมไม่ได้มีการปรับขึ้นไปมากมีเพียงผักสดขึ้นเล็กน้อยตามฤดูกาล ถือว่าไม่ผิดปกติแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังติดลบต่อเนื่อง แต่น้อยลงเป็นเดือนที่ 2 มีปัจจัยมาจากปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่ขณะนี้ความกังวลดังกล่าวน้อยลง แม้ว่าจะตรวจพบการระบาดภายในประเทศ แต่ไม่ได้สร้างความกังวลมากนัก จึงส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมเริ่มปรับดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เริ่มมีความต้องการสูงขึ้น แต่ยังไม่เพิ่มมาก เนื่องจากการก่อสร้างในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างยังรอดูภาพรวมเศรษฐกิจ ทำให้การก่อสร้างจึงไม่ขยายตัวเต็มที่ ประกอบกับแนวทางกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง และชิบช้อปใช้ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลับมาคึกคักเพิ่มขึ้น ทำให้เงินเฟ้อทั่วไป 11 เดือน 2563 (ม.ค.- พ.ย.) ลดลงร้อยละ 0.90 เท่านั้น


 ทั้งนี้ สนค.มองว่าจากปัจจัยลบด้านโควิดที่ยังเป็นตัวฉุดความกังวลต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนและกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยรวมอยู่บ้าง คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยแต่ละเดือนยังคงติดลบแต่จะไม่มาก โดยจะมาจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาทั้งการให้เงินสู่ประชาชนบางกลุ่มจะทำให้กระตุ้นภาคเศรษฐกิจในการจับจ่ายใช้สอยในด้านต่างๆอีกด้วย จึงคาดว่าเงินเฟ้อปีนี้จะติดลบร้อยละ 1.5-0.7  โดยมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 1.1 ซึ่งมีปัจจัย คือ จีดีพีของประเทศติดลบร้อยละ 7.6-8.6 อัตราแลกเปลี่ยน 30.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 35-45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม  สนค.คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2564 จะเป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2-1.7  โดยมีค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ซึ่งมีปัจจัยจีดีพีของประเทศบวกร้อยละ 3.5-4.5 อัตราแลกเปลี่ยน 30.0-32.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้จะยังมีปัจจัยลบ ได้แก่ ความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่บ้าง แต่เชื่อว่าหลายฝ่ายทั่วโลกกำลังรอข่าวดีวัคซีนที่จะใช้ป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดโควิดได้ในปีหน้า จึงเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

ฝุ่น กทม.

แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ

คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า

ตร.สอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการ “ปิดจบสยบ Fiwfans”

ตำรวจสอบสวนกลาง “เปิดปฏิบัติการปิดจบสยบ Fiwfans (ฟิวแฟน)” เว็บไซต์ค้ากามเด็กออนไลน์ จับแอดมิน 5 ราย ดำเนินคดี พบในรอบ 4 ปี มีหญิงค้าประเวณีผ่านเว็บไซต์กว่า 40,000 ราย อายุต่ำสุด 15 ปี พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท

โยนลูกลงทะเล

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ข่าวแนะนำ

หมาช่วยจับโจร

หมาช่วยจับโจรลักสายไฟ หาเงินเสพยา

ชาวบ้านรวบโจรสุดแสบ ขโมยตัดสายไฟหน้าวัด ถึงคราวซวยหมาเห่าจนชาวบ้านมาช่วยกันจับ ล่าสุดตรวจร่างกายเจอสารเสพติด โดนดำเนินคดีเรียบร้อย

อีสาน อุณหภูมิลด 3-5 องศาฯ ภาคเหนือ-ตะวันออก ลดลง 1-3 องศาฯ

กรมอุตุฯ คาดมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากจีน จะแผ่ปกคลุมภาคเหนือตอนบน อีสานและทะเลจีนใต้ในวันนี้ ทำให้อีสานอุณหภูมิลดลง 3-5 องศาฯ กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ ส่วนภาคใต้ฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

เลือกตั้ง อบจ.

วิเคราะห์ศึก อบจ.ศรีสะเกษ อาจถึงคราว “นายใหญ่” สิ้นมนต์ขลัง

นักวิชาการวิเคราะห์ศึก อบจ.ศรีสะเกษ อาจถึงคราว “นายใหญ่” สิ้นมนต์ขลัง การเมืองไม่เหมือน 20 ปีที่แล้ว ชี้วาทกรรมแบบเดิมๆ ไร้ผล ชาวเน็ตแชร์สนั่นพร้อมถามดังๆ จะ “ไล่หนู ตีงู กี่โมง”