รัฐสภา 25 พ.ย.-ส.ส.ก้าวไกลระบุรัฐดูแลม็อบสองมาตรฐาน หวังให้เกิดรุนแรง ยกเป็นเงื่อนไขใช้กฎหมายพิเศษ ขวางบางฝ่ายคิดทำรัฐประหาร
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงท่าทีพรรคก้าวไกลต่อการบริหารสถานการณ์การชุมนุม ว่า รัฐบาลต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าประชาชนมีสิทธิ์เรียกร้องต่อรัฐบาลและจัดการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่มีการชุมนุมเรียกร้องกับรัฐบาลใด ๆ ที่ผู้ชุมนุมจงใจจะมาก่อความรุนแรง เว้นแต่รัฐสร้างเงื่อนไขยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หรือเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมอย่างไม่แยแส
นายวิโรจน์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐดำเนินการคือ 1.การสร้างเงื่อนไขกับผู้ชุมนุมอย่างไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งสามารถเข้าพื้นที่ได้ ได้รับการดูแล มีรถสุขาบริการ อีกกลุ่มหนึ่งกลับถูกจำกัดพื้นที่ 2. การอ้างการเข้าพื้นที่มาเป็นเหตุจัดการกับผู้ชุมนุม ใช้นิติวิธีจับกุมดำเนินคดีแกนนำและแนวร่วมซ้ำไปซ้ำมา คุกคามตัวแทนหรือแกนนำผู้ชุมนุม 3.ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมก่อน ทั้งที่ผู้ชุมนุมไม่ได้มีท่าทีจะใช้ความรุนแรงหรือก่อจลาจล 4.อ้างกรณีผู้ชุมนุมบางส่วนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่เพียงเล็กน้อย เป็นเงื่อนไขใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุแบบเหมารวม
“พบหลักฐานเอกสารราชการต่าง ๆ มากมาย การเกณฑ์ประชาชน การยั่วยุผ่านขบวนการ IO ปลุกปั่นความเกลียดชังให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนแต่ละฝ่ายปะทะกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นความรุนแรงที่รัฐสรรค์สร้างขึ้นเองทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์สร้างเงื่อนไขป้ายสีหรือทำร้ายประชาชน อย่างที่ผ่านมาอ้างว่าออกมาชุมนุมบ่อย ๆ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ทั้งที่รัฐบาลควรตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมไม่หาพื้นที่ปลอดภัยเจรจาพูดคุย รับข้อเรียกร้องของประชาชนมาพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล และตอบรับข้อเรียกร้องของประชาชนอย่างใส่ใจ เมื่อรัฐบาลไม่แยแสข้อเรียกร้อง ทำให้ประชาชนยกระดับการชุมนุมขึ้น แต่กลับโทษประชาชน ทั้งที่ตัวเองเป็นต้นตอปัญหา” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวเรียกร้องให้รัฐปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมตามหลักสากลอย่างแท้จริง และเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใช้นิติสงคราม ยุติการบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนอย่างเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรม ยุติการสร้างเงื่อนไขยั่วยุใช้ปฏิบัติการ IO เกณฑ์คนหัวเกรียนไม่ใส่เสื้อเหลือง เพื่อหมายจะให้เกิดการปะทะแบบม็อบชนม็อบ และดึงประชาชนอีกกลุ่มเข้ามาสู่กระบวนการเกลียดชัง เพื่อเป็นเหตุใช้กฎหมายพิเศษ รวมถึงการใช้กฎอัยการศึก เพื่อจัดการกับประชาชนอย่างเด็ดขาด โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ
“กลุ่มที่คิดจะล้มล้างการปกครองด้วยการรัฐประหารหรือใช้กฎอัยการศึกโดยไม่สมเหตุสมผล มีแต่การนำพาประเทศไปสู่ความวิบัติ ซ้ำเติมให้สังคมมีความบอบช้ำขัดแย้งยิ่งขึ้น นำมาซึ่งการล่มสลายของเศรษฐกิจ การลงทุนภายในประเทศจบสิ้น ต่อความทุกข์ยากและปากท้องของประชาชนทุกหย่อมหญ้า และทำให้ประเทศไทยถูกขีดฆ่าทิ้งออกจากการเป็นอารยประเทศในเวทีโลก จึงเชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอมให้เกิดการรัฐประหาร และใช้กฎหมายพิเศษโดยไม่มีเหตุผลอีกแล้ว” นายวิโรจน์ กล่าว
ส่วนกรณีภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ตรวจสอบ ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ร่วมชุมนุม นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลไปทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร เพื่อปกป้องสิทธิ์ดูแลความปลอดภัยประชาชน ไม่เคยไปขึ้นเวทีชุมนุมกล่าวว่าร้ายใคร
ด้านพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะดูแลรับผิดชอบติดตามการชุมนุม กล่าวว่า การชุมนุมวันนี้จะมีทีมงานภาคสนาม อาทิ นายวิโรจน์ นางรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ติดตามการทำหน้าที่ ดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุม การสาธารณสุข การทำหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และสอดคล้องกับหลักสากลหรือไม่
“ฝากถึงรัฐว่าการชุมนุมเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ รัฐควรจะอำนวยความสะดวก ไม่ใช่พยายามกีดขวางหรือสร้างอันตราย หรือทำให้เกิดสถานการณ์สุกงอมจนนำไปสู่ภาวะที่ตึงเครียด ซึ่งการชุมนุมที่ผ่านมา ทางกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว.-สำนักข่าวไทย