กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – เศรษฐกิจไทยปีอาจติดลบ 6% ถึง 6.5% แต่หากมีการปะทะรุนแรงมีการยุบสภาฯ จีพีดี อาจแย่ถึงขั้นติดลบ 6 % ถึงลบ 7%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยถึงผ่านจุดต่ำสุดแล้วและกำลังปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐโดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่งที่คาดว่า จนถึงสิ้นปีภาครัฐใช้เงิน 60,000 ล้านบาท แต่จะทำให้มีการใช้จ่ายเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจรวมประมาณ 100,000-150,000 ล้านบาท และยังมีมาตรการไทยเที่ยวไทยช่วยชาติอีกด้วย ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ จีดีพี น่าจะโตติดลบ 6% ถึงติดลบ 6.5% ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 โตติดลบในระดับ 4% ถึงลบ 5% ซึ่งรวมปัจจัยบวกการเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่งที่แล้ว แต่ถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองมีความรุนแรงขึ้นถึงขั้นกลุ่มผู้ชุมนุมมีการปะทะกันและหนักสุดนำไปสู่การยุบสภาฯ จีดีพีปีนี้ก็จะติดลบลงลึกไปในระดับลบ 6.5% ถึงติดลบ 7% ภายใต้สมมุติฐาน จีดีพี ไตรมาส4 จะติดลบ 6% ถึงลบ 8% แต่กรณีนี้มีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากขณะนี้มาถึงครึ่งหนึ่งของไตรมาสที่ 4 ปี 63 แล้ว
ด้านการว่างงานของคนไทยนั้น ปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 1.9% หรือประมาณ 800,000-900,000 คน เพราะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาช่วยพยุงไว้ได้ ภายใต้มาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ของรัฐบาล แต่ก็มีกลุ่มแรงงานที่พร้อมจะถูกนายจ้างปลดออกจากงานอีกประมาณ 1-3 ล้านคน . – สำนักข่าวไทย