ธนาธร หนุนม็อบเยาวชนถูกกฎหมาย

กรุงเทพฯ 28 ต.ค.- “ปิยบุตร” ชี้ ประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ไม่ได้แก้ปัญหา แนะหากอยากแก้รัฐธรรมนูญ พิจารณา3 วาระรวดปิดสวิตช์ ส.ว.สามารถทำได้ ระบุ ตั้งคณะกรรมการหลายฝ่ายหากไม่มี 3 ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมก็ไม่เกิดประโยชน์ ด้าน “ธนาธร” ย้ำการชุมนุมของเยาวชนถูกต้องตามกฎหมาย แจงไม่ชัด ถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลัง เชื่อบ้านเมืองยังพอมีทางออกอย่าปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ความเกลียดชัง


นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงภาพรวมของการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญตลอดสองวันที่ผ่านมาว่า การประชุมรัฐสภาที่ผ่านมาฝ่ายส.ว.และส.ส.รัฐบาล และ รัฐมนตรี ได้มีแนวทางอภิปรายสองเรื่อง ได้แก่ 1.พยายามเชื่อมโยงและทำให้การชุมนุมของเยาวชนถูกด้อยค่า 2.การพยายามอธิบายข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมทำไม่ได้ หรือบางข้อต้องใช้เวลา แต่สำหรับตนเองนั้นการจะแก้ไขปัญหาทางการเมือง จะต้องอาศัยเจตจำนงค์เป็นหลัก หากมีเจตจำนงจริง ๆ ไม่ว่าเรื่องไหนก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น

“ถ้าท่านอยากจะทำจริง ๆ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบสามวาระรวดเพื่อเอาส.ว.ออกไปก็สามารถทำได้ หรือ หากจะลาออกก็ทำได้ เพราะแคนดิเดทนายกฯ มีอยู่แล้ว หรือการบอกว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ เหมือนเป็นการพูดแบบคิดว่าคนไทยกินแกลบหรืออย่างไร ดังนั้น การอภิปรายทั้งสองวันที่ผ่านมาจึงเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้แก้ปัญหาอะไร โดยเฉพาะการอภิปรายตอนท้ายของพล.อ.ประยุทธ์” นายปิยบุตร


นายปิยบุตร กล่าวว่า การจะตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยหลายฝ่ายนั้นหากไม่เอาข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 3 ข้อเข้าไปด้วย การตั้งคณะกรรมการก็ไม่เป็นประโยชน์ แบบนี้ประชาชนอาจสิ้นหวังกระบวนการทางสภาและทำให้ลงถนนอีกครั้ง ที่ผ่านมาใช้กลไกต่าง ๆ เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น เพราะหากเรื่องใดอยากทำจริง ๆ ก็สามารถทำได้ทันที

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหาว่าพวกเราอยู่เบื้องหลังและมีต่างชาติอยู่เบื้องหลังการชุมนุมนั้น การชุมนุมของเยาวชนถูกต้องตามกฎหมายและไม่ได้เรียกร้องให้มีการล้มล้างการปกครองแต่เป็นการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปเท่านั้น ถ้าเราไม่ยอมรับถึงปัญหาจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างไร เรากังวลว่าแทนที่จะยอมรับปัญหาและแสวงหาทางออกอย่างสันติ แต่รัฐบาลกลับกำลังโหมกระพือใส่ร้ายผู้ชุมนุม เป็นการบังคับให้ประชาชนเลือกข้าง อันตรายมาก

“การชุมนุมที่ผ่านมาเส้นแบ่งของการเลือกข้างมันเบลอ แต่ครั้งนี้มีเส้นแบ่งชัดเจน ซึ่งอันตรายและไม่สมควรกระทำ เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่ถูกรัฐบาลหว่านไว้กำลังเติบโตอย่างน่ากลัว เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่อยุธยาและมหาวิทยาลัยรามคำแหงหรือไม่ สองวันที่ผ่านมาในสภาโดยเฉพาะ ส.ว. อภิปรายด้วยความเกลียดชัง ผมคิดว่าเราควรสร้างสังคมแห่งความเข้าใจกัน แต่กลับไม่มีการฟังเสียงของอีกฝ่ายด้วยความห่วงใยหรือฟังอย่างมีวุฒิภาวะ หากไม่หยุดความเกลียดชังนี้ จะทำให้ความรุนแรงต่อผู้มีความเห็นต่างมีความชอบธรรม บ้านเมืองเรายังพอมีทางออก อย่าปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังให้กับคนรุ่นต่อไป” นายธนาธร กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง