กทม. 6 ต.ค. – หลังจากสัปดาห์ก่อน มีข่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดซื้อปืนช็อตไฟฟ้ามาให้แต่ละสถานีตำรวจไว้ใช้ระงับเหตุในกรณีต่างๆ เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดจากการใช้อาวุธปืน วันนี้คุณสันติวิธี พรหมบุตร ผู้สำนักข่าวไทย ได้ไปดูตำรวจหน่วยแรกที่จัดซื้อปืนช็อตไฟฟ้ามาใช้ตั้งแต่ต้นปีแล้ว
ตำรวจสายตรวจ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ตรวจสอบอาวุธประจำกายก่อนออกปฏิบัติงานรถสายตรวจ นอกจากอาวุธประจำตัวแบบเดิม คือ อาวุธปืน และดิ้ว หรือกระบองสั้นแล้ว หนึ่งในอาวุธใหม่ที่นำมาใช้ตั้งแต่ต้นปี 63 เป็นต้นมาคือ ปืนช็อตไฟฟ้า
กระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบนปลายกระบอกกระปืนช็อตไฟฟ้าสามารถใช้ช็อตเป้าหมายในระยะประชิดตัวในยามฉุกเฉินได้ แต่หลักการทำงานและการใช้ปืนชนิดนี้คือ เข็มลูกดอก ที่จะนำกระแสไฟฟ้าเข้าไปช็อตเป้าหมายที่ถูกยิง
พ.ต.ท.ราชัน แก้วคูนอก สารวัตรกองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งเป็นทีมครูฝึกสอนใช้ปืนช็อตไฟฟ้า อธิบายว่า ปืนช็อตไฟฟ้ารุ่นนี้มีระยะยิง 21 ฟุต หรือราว 7 เมตร เน้นเป้าลำตัว กระแสไฟฟ้าจากตัวแปลงในปืนจะผ่านสายไฟบางๆ ไปถึงเข็มลูกดอก ช็อตเป้าหมายได้ครั้งละ 5 วินาที ซึ่งจะทำให้หยุดยั้งเป้าหมายด้วยการทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง สมองไม่สามารถสั่งงานส่วนของร่างกายได้
นอกจากเข็มนำกระแสไฟฟ้า ปืนช็อตไฟฟ้ารุ่นของตำรวจกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ มีตลับกระสุนให้เลือกใช้ตามสถานการณ์ เช่น ตลับกระสุนยาง และตลับแก๊สน้ำตา
ตำรวจสังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ เป็นหน่วยแรกของตำรวจที่นำปืนช็อตไฟฟ้ามาใช้ ซึ่งเป็นแนวคิดของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อครั้งเป็นผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ เป้าหมายเพื่อหยุดยั้งคนร้ายโดยไม่เกิดความสูญเสียต่อชีวิต
ปืนช็อตไฟฟ้าของตำรวจกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ เป็นปืนจากไต้หวัน ชื่อรุ่นไททั่น 86 ทุกวันนี้กลายเป็นหนึ่งในอาวุธประจำตัวของตำรวจที่ต้องออกปฏิบัติการสายตรวจ ซึ่งทำให้พวกเขามีทางเลือกใช้อาวุธเพื่อหยุดยั้งคนร้ายโดยไม่ถึงแก่ชีวิต
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่งจัดซื้อปืนช็อตไฟฟ้า 2,700 กระบอก ให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ 1,483 สถานี แต่ปืนรุ่นที่จัดซื้อใหม่เป็นยี่ห้อเทเซอร์ ผลิตจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่จะใช้ในการยับยั้งคนร้ายในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต หรือการใช้อาวุธเกินกว่าเหตุ.-สำนักข่าวไทย