ทำเนียบรัฐบาล 29 ก.ย.-นายกฯ เยี่ยมชมต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้า กำชับพัฒนาระบบ-แบตเตอรี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ยันพร้อมส่งเสริมยานพาหนะภาครัฐ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงของผู้มีรายได้น้อย
ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เยี่ยมชมผลงานวิจัยการพัฒนาต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้า โครงการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าจากรถโดยสารประจำทางใช้แล้วของขสมก. (City transit E-buses) ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาโครงการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าจากรถโดยสารประจำทางใช้แล้วขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการออกแบบและผลิตรถโดยสารไฟฟ้า ที่สามารถจดทะเบียนเพื่อใช้งานกับกรมการขนส่งทางบก ได้อย่างถูกต้อง และพร้อมสำหรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ได้พัฒนาตู้อัดประจุไฟฟ้าจำนวน 2 ตู้ติดตั้งที่เขตการเดินรถที่ 1 ของขสมก. เพื่อให้รถสามารถทดลองวิ่งเป็นรถโดยสารประจำทางสาย 543ก (อู่บางเขน-ท่าน้ำนนท์) เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ต้องเดินหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านใช้รถไฟฟ้า โดยต้องทำให้ได้มาตรฐาน และเดินหน้ามาตรฐานควบคุมการปล่อยมลภาวะของเครื่องยนต์ใหม่ ยูโร 5 และ ยูโร 6 อย่าให้มีปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุง และอย่าให้เสียง่าย เพราะถ้าเสียง่ายก็เสียชื่อ จึงขอให้ปรับระบบให้ดี ให้สามารถวิ่งลากยาวให้ได้ ประกอบให้ดี ขณะที่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ผลิตในประเทศส่วนใหญ่ใช่หรือไม่ ซึ่งตนอยากให้เป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในเมืองไทยทั้งหมด เพื่อได้พัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่ม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันวิจัยและพัฒนาจนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าใช้ได้เองภายในประเทศ และเป็นการใช้ชิ้นส่วนในประเทศร้อยละ 60 ขณะเดียวกันยังรับทราบว่าการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไออน ซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าเดิมภายในประเทศ ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้ได้คุณภาพ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่บรรจุไฟฟ้าได้นานกว่าที่ใช้อยู่ รองรับการใช้รถไฟฟ้าเต็มระบบในไทย รวมถึงระบบกำจัดแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของไทย แต่การเปลี่ยนผ่านต้องคำนึงถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพราะขีดความสามารถแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงจำเป็นต้องส่งเสริมยานพาหนะของภาครัฐ ซึ่งหากมีงบประมาณจะต้องจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้อง นำรถไฟฟ้ามาใช้ทั้งระบบ
“การเปลี่ยนผ่านต้องเป็นขั้นเป็นตอน และต้องศึกษาว่ารถเก่ามีเท่าไหร่ ผู้มีรายได้น้อยเท่าไหร่ ต้องเปลี่ยนผ่านในกี่ปี ซึ่งมียุทธศาสตร์ตรงนี้อยู่แล้ว ถ้าจะให้เป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดต้องดูความพร้อม รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าไปด้วยความรวดเร็ว แต่จะต้องไม่กระทบต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย หลายอย่างเราทำเพื่อประชาชนทั้งนั้น อย่าบอกว่าเราไปให้เฉพาะคนรวยหรือเจ้าของบริษัท ซึ่งไม่ใช่ แต่ทำอย่างไรให้เขามาช่วยเราทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้และประหยัด ในวันหน้าราคาถูกลง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมการบริจาคหนังสือมีค่า เนื่องในโอกาส 120 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยนายกรัฐมนตรีมอบหนังสือมีค่าให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร และห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ ได้แก่ ผจญภัยในอวกาศ What? & Why ? และชุดทดสอบ (Quiz)วิทยาศาสตร์ ฉลาดรู้ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมพูดคุยกับเด็กนักเรียนจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ว่า หนังสือเป็นสิ่งมีชีวิต การอ่านจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการหาประสบการณ์ เพราะเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้และประสบการณ์ของผู้เขียนไปให้ผู้อ่าน ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ แตกต่างจากข้อมูลในโลกออนไลน์ หนังสือทุกประเภทมีความสำคัญทั้งวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และความรู้รอบตัว รัฐบาลพร้อมจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการศึกษาด้วย.-สำนักข่าวไทย