ยกระดับภาคการเกษตร เสริมความเข็มแข็งด้านเศรษฐกิจ

28 ก.ย.-“อนุชา” หวัง กทบ. เป็นที่พึ่งชุมชน ช่วยยกระดับภาคการเกษตรซึ่งเป็นเสาหลักของประเทศสู่ภาคธุรกิจ เสริมความเข็งแข็งด้านเศรษฐกิจ เพื่อความยั่งยืนของประเทศ

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบนโยบาย เรื่อง “ทิศทางการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ” แก่คณะผู้บริหาร สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โดยมี ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุรุจน์ นาคาศัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะเข้าร่วม


สำหรับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองปัจจุบันมีจำนวน 79,604 แห่งทั่วประเทศ เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนของชุมชนเพื่อการลงทุน สร้างอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ของประชาชนในชุมชน มีเงินทุนหมุนเวียนในกองทุนกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนการขับเคลื่อนกองทุนคนในชุมชนจะเป็นผู้บริหารจัดการ รวมถึงเป็นผู้กำหนดทิศทางและบริหารจัดการภายใต้ปรัชญา 5 ประการ คือ 1) เสริมสร้างสำนึกความเป็นชุมชนและท้องถิ่น 2) ชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคตและจัดการหมู่บ้านและชุมชนด้วยคุณค่า และภูมิปัญหาของตนเอง 3) เกื้อกูลประโยชน์ต่อผู้ด้อยโอกาส 4) เชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน ราชการ เอกชน และประชาสังคม และ 5) กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น และพัฒนาประชาธิปไตยพื้นฐาน

โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายว่า ชุมชนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีภาคเกษตรกรรมเป็นส่วนสำคัญ และเป็นเสาหลักของประเทศ จากผลสำรวจพบว่าเฉลี่ยร้อยละ 74 % ในหมู่บ้านทำอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งภาครัฐต้องสนับสนุน คอยผลักดันให้ความช่วยเหลือทั้งด้านวิชาการและด้านการตลาด รวมถึงเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ ดังนั้น กทบ. จึงเป็นหน่วยงานสำคัญในการเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจฐานราก และเป็นกลไกสนองนโยบายของรัฐบาล รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ต้องทำให้ภาคเกษตรเข้มแข็งขยับขึ้นมาสู่ภาคธุรกิจ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถยืนหยัดด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนฯ ทั่วประเทศกว่า 13 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงพลังสำคัญที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ กำลังซื้อของเกษตรกรและชาวบ้านจะเป็นกำลังสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจชุมชนฟื้นตัว และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระดับประเทศ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

มนุษย์ ภัยคุกคามพะยูน ?

ช่วงนี้พบพะยูนในทะเลฝั่งอันดามันตายเพิ่มขึ้นแบบถี่ยิบ จนน่าเป็นห่วงว่าพะยูนอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อมีการพบพะยูนตายในทะเลภูเก็ต อยู่ในสภาพถูกตัดหัว คาดนักล่าหวังเอาเขี้ยว

typhoon Man-Yi barrels through the Philippines

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” เข้าฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 พ.ย.- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ พัดเข้าเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและมีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงมะนิลาที่เป็นเมืองหลวง หม่านหยี่ เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง นับเป็นพายุลูกที่ 6 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในรอบ 1 เดือน มีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่อนกำลังลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นฝั่งเมืองปางานีบัน จังหวัดคาตันดัวเนส ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เมื่อคืนวันเสาร์ ข้ามมาจนถึงจังหวัดคามารีเนส นอร์เต บนเกาะลูซอน ในเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วเขตมหานครมะนิลา ซึ่งมีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 1 ล้านคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้ว่ากระแสลมแรงได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างในจังหวัดคาตันดัวเนสก็ตาม.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ดอยอินทนนท์คึกคักรับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้า

นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นดอยอินทนนท์รับลมหนาว สัมผัสหมอกหนายามเช้าวันหยุด หลายคนบอกไม่ผิดหวัง เพราะพระอาทิตย์สาดแสงเป็นประกายประทับใจ