กทม. 25 ก.ย. – ประชาชนยังล้นหลามแห่เลือกสถานพยาบาลสิทธิบัตรทองแน่นเขตราษฎร์บูรณะกันอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดบริการมา 7 วัน เพราะมีคนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ 180,000 คน จนต้องจัดคิวรับบัตรล่วงหน้า แต่คนก็จองถึง 28 กันยายน ด้านเลขาฯ สปสช. ยอมรับความล่าช้า ขอโทษประชาชน จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ 1-2 เดือน
บรรยากาศที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ มีประชาชนจำนวนมากมาลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพ หลังเกิดปัญหาทุจริตในคลินิกบัตรทอง ส่วนใหญ่ไปสถานพยาบาลเดิมที่ตนเองมีสิทธิแล้วไม่ได้รับการรักษาแจ้งว่าให้บริการต่อไปได้อีก ทำให้ต้องมาติดต่อสำนักงานเขต เช่น นายสมภพ สุดแสง ประชาชนที่เดินทางมาเลือกสถานพยาบาล กล่าวว่า เดิมเป็นคนไข้ประจำโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ รักษาโรคหัวใจ และต้องรับยาต่อเนื่อง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปรับยาที่โรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่อาจให้บริการรักษาต่อไปได้ และหากต้องการรับยากับโรงพยาบาล ต้องเสียค่าใช้จ่าย จึงทำให้ต้องมาติดต่อสำนักงานเขต เพื่อเลือกสถานพยาบาลใหม่
นางยุพิน รอบคอบ ประชาชนที่มาเปลี่ยนสถานพยาบาล กล่าวว่า เดิมเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ รักษาโรคไขมันในเลือด และมะเร็งเต้านม เมื่อทราบว่าโรงพยาบาลเดิมไม่อาจให้บริการต่อไปได้ และวันนี้เป็นครบกำหนดต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจร่างกายรักษา จึงเดินทางมาที่เขตเพื่อเลือกสถานพยาบาล
ด้านนางสาวภาวนา ใจเสงี่ยม ผู้อำนวยการเขตราษฎร์บูรณะ กล่าวว่า สำนักงานเขตได้เปิดให้บริการประชาชนลงทะเบียนเปลี่ยนสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพมาตั้งแต่ 18 กันยายนที่ผ่านมา รวม 7 วัน เบื้องต้นจัดคิวบริการ 100-200 คน แต่ประชาชนเพิ่มจำนวนมากขึ้นมากกว่าวันละ 300 คน จึงต้องมีการจัดทำบัตรคิวเพื่อลดความแออัด โดยพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะมีประชาชนอาศัยกว่า 180,000 คน และทุกคนได้รับผลกระทบทั้งหมด การจัดทำบัตรคิวก็เปิดจองคิวล่วงหน้าจนถึง 28 กันยายนแล้ว ส่วนการแนะนำเลือกสถานพยาบา ประสานเจ้าหน้าที่ สปสช. ดำเนินการเอง เนื่องจากเกรงผิดพลาด
นายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. ลงพื้นที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะเช่นกัน ขอโทษประชาชนถึงความล่าช้าในการแก้ไขปัญหา และระบบ ซึ่งจะพยายามเร่งจัดหาคลินิกมารองรับประชาชนให้เร็วที่สุด เบื้องต้นมีคลินิกมาสมัครร่วมเป็นคลินิกคู่สัญญาเพิ่มเติมอีก 10-20 แห่ง อยู่ระหว่างการดำเนินงาน คาดว่า 1-2 เดือน จะสามารถหาคลินิกทดแทนได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ การยกเลิกคลินิกคู่สัญญาที่พบทุจริตสวมสิทธิรักษา 82 แห่ง แบ่งเป็นการตรวจสอบรอบแรกพบทุจริตยกเลิกบริการในสถานพยาบาลหรือคลินิก 18 แห่ง รอบที่ 2 ตรวจสอบพบทุจริตและยกเลิกบริการในคลินิกและสถานพยาบาล 64 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นหน่วยบริการในพื้นที่แถบฝั่งธนบุรี ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน บางคอแหลม และบางแค
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนและโรงพยาบาลเอกชน ที่พบว่ามีการทุจริตในโครงการบัตรทอง ว่ากรณีที่เกิดขึ้นขออย่ามองว่าเป็นการยกเลิกสิทธิบัตรทอง แต่เป็นเพราะสถานประกอบการดังกล่าวถูกตรวจพบว่ามีการทุจริต จึงจำเป็นต้องยกเลิกสัญญากับสถานประกอบการเหล่านั้น พร้อมทั้งดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง รวมถึงให้มีการจัดหาสถานที่อื่นทดแทน ซึ่งวันนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย