ทำเนียบฯ 8 ก.ย.-ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ เพิ่มงบ 1,000 ล้านบาท ทำประชามติรัฐธรรมนูญช่วงโควิด
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกสียงประชามติ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกเสียงประชามติ ให้สอดคล้องกับมาตรา 166 และมาตรา 256(8) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว มีความใกล้เคียงกับหลักเกณฑ์วิธีการออกเสียงประชามติในปี 2552 แต่ปรับแก้ให้มีความชัดเจนและยึดโยงกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งการออกเสียงประชามติจะทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 166 คือ ในเรื่องที่ ครม.เห็นชอบแต่ต้องไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือนิติบุคคลรวมถึงเป็นไปตามมาตรา 256 (8) หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือคุณสมบัติต้องห้ามของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำหนดให้ต้องมีการจัดทำประชามติ โดยวิธีการ ออกเสียงลงคะแนน จะต้องเป็นการกระทำโดยตรงและทางลับ กำหนดหลักการให้หน่วยงานของรัฐบาลจะต้องให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างเพียงพอ ผู้ที่มีคุณสมบัติจะต้องเป็นคนไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีการกำหนดความผิดและโทษ สำหรับผู้ที่กระทำการลักษณะต้องห้ามมีโทษจำคุก 1-10 ปีหรือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งและจะต้องชำระค่าใช้จ่ายประจำหน่วยเลือกตั้งนั้นด้วย
น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการจัดทำประชามติเดิมจะมีงบประมาณทั้งสิ้น 3,150 ล้านบาท แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีการปรับเปลี่ยน จึงจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งงบในส่วนนี้ใช้สำหรับการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่งบที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์ หรือการจัดพิมพ์เอกสาร ทั้งนี้หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว จะต้องส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาและสภาฯ พิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย