โตเกียว 8 ก.ย.- เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาสสองหดตัวหนักที่สุดหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กระทบธุรกิจมากกว่าที่คิด เป็นความท้าทายที่กำลังรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่
เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลกหดตัวร้อยละ 28.1 ในไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน มากกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่คาดว่าจะหดตัวร้อยละ 27.8 สาเหตุหลักเพราะการใช้จ่ายด้านทุนลดลงร้อยละ 4.7 มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงร้อยละ 1.5 สะท้อนว่าโรคโควิด-19 กระทบเศรษฐกิจในวงกว้าง นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า บริษัทจะไม่เพิ่มการใช้จ่ายหากแนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน ตัวเลขนี้จะสร้างแรงกดดันให้แก่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งประธานพรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพี (LDP) ในวันที่ 14 กันยายน ให้ดำเนินมาตรการพยุงเศรษฐกิจชัดเจนยิ่งขึ้น นายโยชิฮิเดะ สุกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตัวเก็งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ส่งสัญญาณแล้วว่า พร้อมเพิ่มการใช้จ่ายหากได้เป็นผู้นำประเทศ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวสามไตรมาสติดต่อกันก่อนส่งสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคมเมื่อผลผลิตโรงงานเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์เพราะความต้องการยานยนต์ดีดตัว อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาคครัวเรือนในเดือนกรกฎาคมลดลงกว่าที่คาดถึงร้อยละ 7.6 จากเดือนเดียวกันปีก่อน ขณะที่ค่าจ้างที่แท้จริงลดลง 5 เดือนติดต่อกัน บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะลดลงอีก ธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดการณ์ในเดือนกรกฎาคมว่า เศรษฐกิจปีงบประมาณปัจจุบันสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้าจะหดตัวร้อยละ 4.7 แต่จะขยายตัวร้อยละ 3.3 ในปีงบประมาณถัดไป ธนาคารกลางได้ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินมาแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ เสริมมาตรการใช้จ่ายใหญ่ 2 ครั้งของรัฐบาล นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางจะงดใช้มาตรการกระตุ้นไว้ก่อนเพราะการเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทำให้เชื้อไวรัสโคโรนาเสี่ยงแพร่กระจายมากขึ้น ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 72,321 คนจนถึงวันจันทร์ เสียชีวิต 1,380 คน.- สำนักข่าวไทย