ทร.ย้ำจีทูจีซื้อเรือดำน้ำถูกกฎหมาย

กองทัพเรือ 24 ส.ค.-กองทัพเรือยกทีมแถลงยันสัญญาซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจีถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลจีนส่งผู้แทนร่วมลงนาม ย้ำ จำเป็นต้องมีปกป้องผลประโยชน์ชาติ ระบุ “ยุทธพงศ์” สร้างแตกแยก กองทัพเสียหาย เตรียมพิจารณาจะฟ้องหรือไม่


พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ แถลงข่าวกรณีการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในกองทัพเรือ ว่า หลังจากที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยเปิดเผยเรื่องเรือดำน้ำ สร้างความเสียหายต่อส่วนรวม สร้างความแตกแยก ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกองทัพ การที่นายยุทธพงศ์ระบุว่าการซื้อแบบจีทูจีเป็นสัญญาเก๊นั้น น่าประหลาดใจ แต่ถ้าโครงการรับจำนำข้าวจึงจะเก๊ เพราะทำสัญญาจีทูจีไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำสัญญาจีทูจีอย่างถูกต้องและโปร่งใส

“ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อทางการเมือง การหยิบยกว่าเรื่องใช้เงินจำนวนมาก 22,500 ล้านบาทไปจัดซื้อ เพราะไม่ได้จัดซื้อครั้งเดียวทั้งก้อน เป็นการทยอยจ่าย พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือจึงมอบหมายทีมงานให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง ส่วนการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน รัฐบาลมีงบประมาณในส่วนนี้อยู่แล้ว ในส่วนของกองทัพเรือก็เช่นกัน จึงต้องเดินหน้าต่อไปในการทำงาน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง” โฆษกกองทัพเรือ กล่าว


ด้านพล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ ชี้แจงว่าจากที่กองทัพเรือชี้แจงงบประมาณต่อคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ และมีคณะอนุกรรมาธิการฯบางคนนำข้อมูลมาแถลง แต่เป็นข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน อาจเป็นการหวังผลทางการเมืองที่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อรัฐบาล จึงต้องนำข้อเท็จจริงมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ยืนยันว่ากองทัพเรือเล็งเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำมาตลอด จึงได้จัดหาเรือดำน้ำตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ แต่มักจะถูกโยงไปเป็นประเด็น ทางการเมือง ซึ่งการจัดหาเรือดำน้ำลำแรกเมื่อปี 2560 แต่จะรับเข้าประจำการในปี 2566 ก็ซื้อแบบจีทูจี หรือรัฐบาลกับรัฐบาล และขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านมีเรือดำน้ำเพิ่มขึ้น

พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ เปิดวิดีทัศน์ชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นการจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นวิดีทัศน์ที่ฉายให้คณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ ได้รับชมในวันที่เข้าชี้แจงงบประมาณ โดยในวิดีทัศน์ดังกล่าวได้แสดงถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ประเทศไทยเคยมีเรือดำน้ำและสามารถข่มขวัญประเทศที่รุกรานน่านน้ำให้ถอยกลับไปได้

“กองทัพเรือพยายามจัดซื้อเรือดำน้ำมาหลายปี แม้จะยังไม่เห็นสงครามโลกในขณะนี้ แต่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในน่านน้ำ อีกทั้งสหรัฐส่งเรือรบเข้าไปในพื้นที่ทะเลจีนใต้มากขึ้น หากเราไม่มีกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอ ผลประโยชน์ของชาติย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าในทะเลจีนใต้จะไม่มีเหตุการณ์ปะทะนองเลือด ซึ่งผมเชื่อว่ามี และอย่าลืมว่าจัดซื้อวันนี้ อีก 6 ปีจึงจะได้เรือลำน้ำ ยืนยันว่าการจัดหาเรือดำน้ำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ” เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าว


พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ ชี้แจงเรื่องงบประมาณการจัดหาเรือดำน้ำสำรวจสองลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดหาเรือดำน้ำจำนวนสามลำ ว่า ทยอยจ่ายทั้งหมด 7 ปี ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2566 ซึ่งเป็นการจัดหาต่อเนื่องเพื่อให้ครบสามลำ ไม่ใช่โครงการผูกพันงบประมาณที่เริ่มใหม่ในปี 2564 นี้ แต่เป็นโครงการการเสริมสร้างกำลังของกองทัพที่เริ่มตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2569 เป็นการทยอยตั้งงบประมาณรายปีภายในงบประมาณที่กองทัพเรือได้รับตามปกติ ไม่ได้ขอรับงบประมาณเพิ่มเติม และรายการนี้ได้ตราไว้แล้วในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563

“ตามกำหนดที่ต้องชำระใน 7 งวดที่ตั้งไว้ในตอนแรก ระบุไว้ว่า ในปี 2563 จ่ายวงเงิน 3,375 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 3,925 ล้านบาท ปี 2565 วงเงิน 2,640 ล้านบาท ปี 2566 วงเงิน 2,500 ล้านบาท ปี 2567 วงเงิน 3,060 ล้านบาท ปี 2568 วงเงิน 3,500 ล้านบาท ปี 2569 วงเงิน 3,500 ล้านบาท แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด รัฐบาลได้ให้หน่วยงานราชการโอนงบประมาณคืนไปสำหรับแก้ไขปัญหาโควิด ซึ่งกองทัพเรือเล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวจึงตัดลดงบประมาณที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2563 และจ่ายงวดแรกในวงเงินงบประมาณของปี 2564 แทน และไปจบงวดสุดท้ายในปี 2570” ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าว

พล.ร.ท.ธีรกุล กล่าวว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาการจัดทำคำขอของกองทัพเรือ ได้กำหนดรายละเอียดของงบประมาณตามคำแนะนำและความเห็นชอบของสำนักงบประมาณ โดยยึดความประหยัดและความคุ้มค่า ตระหนักถึงคุณค่าของเงินทุกบาทของประเทศชาติและตั้งงบประมาณรายจ่ายอยู่ในกรอบที่เคยได้รับโดยประมาณทุกปี ทั้งนี้ กองทัพเรือเตรียมลงนามในสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ในเดือนกันยายนนี้

น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ชี้แจงว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ให้ข่าวในสื่อต่าง ๆ ว่าการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 1 ไม่ถูกต้องและไม่มีกฎหมายรองรับนั้น ยืนยันว่ากองทัพเรือไม่เคยพูดเท็จกับประชาชน แต่การมีเรือดำน้ำจะช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรอง กองทัพเรือจึงศึกษาและเสนอแนะต่อรัฐบาล กระทั่งวันที่ 18 เมษายน 2560 คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำตามที่กองทัพเรือตระหนักถึงความจำเป็นของเรือดำน้ำ และข้อเสนอของจีนดีที่สุด

“ส่วนที่บอกว่าจีทูจีปลอม เป็นการให้ข้อมูลเท็จ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติอนุมัติและให้อำนาจผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งอนุมัติให้ประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำและเสนาธิการทหารเรือเป็นผู้แทนลงนามข้อตกลง ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความถูกต้อง พิจารณารอบคอบตามระเบียบวิธีราชการทุกประการ ขณะที่รัฐบาลจีนสั่งการให้หน่วยงาน SASTIND ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐของจีนที่บริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการส่งออกอาวุธ มอบอำนาจให้ประธานบริษัท CSOC เป็นผู้แทนลงนาม ดังนั้น คนของจีนที่มาลงนามจึงเป็นผู้ที่ได้รับมอบอำนาจมาอย่างชัดเจน จึงเป็นจีทูจีของจริง ไม่ใช่จีทูจีของปลอม” น.อ.ธาดาวุธ กล่าว

น.อ.ธาดาวุธ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ยังคลาดเคลื่อนเรื่องการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลจีนกับไทย เนื่องจากเป็นจีทูจี คือ ความเอื้อเฟื้อมิตรไมตรีระหว่างรัฐบาล จึงใช้คำว่า “ข้อตกลง” ไม่ใช้คำว่า “สัญญา” จึงทำให้มีผู้เข้าใจผิด ไปแปลความหมายของคำ ว่า “ข้อตกลง “คือ “MOU” ที่ต้องลงนามโดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งที่ข้อตกลงนี้ เป็น “Agreement” ไม่ใช่ “MOU”

พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ชี้แจงว่า การเจรจากับจีนอยู่บนพื้นฐานเรือดำน้ำ 3 ลำมาโดยตลอด และรัฐบาลจีนรับทราบการจัดหาเป็นระยะ แต่เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาด้านงบประมาณ จึงจัดหาเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำก่อน ซึ่งได้ลงนามข้อตกลงไปแล้ว ส่วนการจัดหาระยะที่สองในปีงบประมาณ 2563 ถึง 2569 การเจรจาได้ข้อยุติแล้ว และสามารถจัดหาได้ในราคาลำละ 11,250 ล้านบาท ซึ่งราคาต่อลำต่ำกว่าลำที่หนึ่ง

“ในราคาดังกล่าวจะรวมถึงได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ประกอบด้วยแผ่นยางลดเสียงสะท้อน ระบบสื่อสารดาวเทียม ระบบสื่อสารข้อมูลทางยุทธวิธีและอาวุธ ทั้ง จรวดนำวิถี ทุ่นระเบิด ตอร์ปิโด โดยมีมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเลย ดังนั้น ในปี 2560-2570 ประเทศไทยจะมีเรือลำดำหน้าตาคล้ายกันทั้งหมด 3 ลำ แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามที่เจรจาไว้ทั้งหมด ประเทศไทยจะหมดความน่าเชื่อถือเชิงพาณิชย์ การจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 จึงมีความจำเป็น ซึ่งได้เสนอร่างข้อตกลงจ้างให้สำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบแล้ว” ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายยุทธพงศ์ที่กล่าวหาว่าเป็นจีทูจีเก๊หรือไม่ พล.ร.อ.สิทธิพร กล่าวว่า หน่วยงานจะพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า หากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 มีมติไม่เห็นชอบการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 จะได้รับผลกระทบอย่างไร ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าวว่า หากไม่สามารถซื้อได้ในปีงบประมาณ 2564 ไม่มีค่าปรับอะไร แต่เกรงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องราคาที่อาจจะสูงขึ้นมาก รวมทั้งจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือในเชิงพาณิชย์ที่ไทยจะได้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับจีน

ส่วนที่มีข่าวกระแสผู้ใหญ่ในรัฐบาลล็อบบี้คณะอนุกรรมาธิการฯ ให้โหวตผ่านการจัดหาเรือดำน้ำ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า ตนมีแต่หน้าที่การชี้แจง ไม่มีหน้าที่อื่น และยืนยันว่าชี้แจงตามข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งเมื่อกองทัพเรือแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายพิจารณ์ได้ลุกขึ้นสอบถามกับคณะแถลงข่าวของกองทัพเรือ ว่าคำชี้แจงของกองทัพเรือครั้งนี้ ไม่ได้ปรากฎในการชี้แจงของคณะอนุกรรมาธิการฯ

“ขอให้กองทัพวางตัวเป็นกลาง ควรงดการพูดจาเหน็บแหนมและลดทอนความน่าเชื่อถือของตัวบุคคล พฤติกรรมนี้ไม่ทำให้กองทัพเรือได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชน และผมได้ยินแต่คำว่าโควิด แต่ไม่ได้ยินคำว่า วิกฤติเศรษฐกิจ จึงอยากสอบถามกองทัพเรือว่ามีแนวทางลดงบประมาณจากกำลังพลอย่างไร” นายพิจารณ์ กล่าว

พล.ร.อ.สิทธิพร ได้กล่าวขออภัยหากพาดพิง เพียงแต่อยากชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมยืนยันว่ากองทัพเรือมีแผนลดกำลังพลต่อไป แต่เป็นเรื่องภายในของกองทัพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ลมแรง

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อยกับมีลมแรง และอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยมีฝนบางแห่งในด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยกับมีลมแรง

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

มนุษย์ ภัยคุกคามพะยูน ?

ช่วงนี้พบพะยูนในทะเลฝั่งอันดามันตายเพิ่มขึ้นแบบถี่ยิบ จนน่าเป็นห่วงว่าพะยูนอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อมีการพบพะยูนตายในทะเลภูเก็ต อยู่ในสภาพถูกตัดหัว คาดนักล่าหวังเอาเขี้ยว

typhoon Man-Yi barrels through the Philippines

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” เข้าฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 พ.ย.- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ พัดเข้าเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและมีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงมะนิลาที่เป็นเมืองหลวง หม่านหยี่ เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง นับเป็นพายุลูกที่ 6 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในรอบ 1 เดือน มีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่อนกำลังลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นฝั่งเมืองปางานีบัน จังหวัดคาตันดัวเนส ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เมื่อคืนวันเสาร์ ข้ามมาจนถึงจังหวัดคามารีเนส นอร์เต บนเกาะลูซอน ในเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วเขตมหานครมะนิลา ซึ่งมีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 1 ล้านคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้ว่ากระแสลมแรงได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างในจังหวัดคาตันดัวเนสก็ตาม.-820(814).-สำนักข่าวไทย