ก.คลัง 17 ส.ค. – คลังมองจีดีพีปีนี้หดตัว 8.5% ทิศทางเดียวกับสภาพัฒน์ ติดตามโควิด-19 ใกล้ชิด โต้อดีต รมว.คลัง ย้ำชัดฐานะการคลังแข็งแกร่ง
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่สำนักงนสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะปรับตัวลดลงในช่วง -7.8% ถึง -7.3% ใกล้เคียงกับ สศค.ประเมินไว้หดตัว 8.5% โดยมีสาเหตุหลักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งกระทบอย่างมากต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย ส่วนจะมีการปรับเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อมูลและสถานการณ์ในอนาคต สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังยังเป็นเรื่องของผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศและของโลกว่าจะจบได้เมื่อไหร่ ซึ่งไทยสามารถรับมือได้ดี การบ้านจากนี้ คือ การฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจ ส่วนสงครามการค้าสหรัฐและจีนยังไม่น่ากังวลมากเท่ากับการระบาดของโควิด-19
ส่วนกรณีที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่ากระทรวงการคลังกำลังถังแตก ส่อเก็บภาษีพลาดเป้า 5 แสนล้านบาท เศรษฐกิจทรุด จ่อกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท นั้น นายลวรณ ย้ำว่าฐานะการคลังของรัฐบาลมีความแข็งแกร่ง และอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ มีกลไกบริหารกระแสเงินสด โดยกระทรวงการคลังมีเงินคงคลังสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 จำนวน 265,565 ล้านบาท
ด้านการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 โดยเห็นชอบให้ลดภาระภาษีลง 90% สำหรับทุกประเภท ทั้งที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม, ใช้เป็นที่อยู่อาศัย, ใช้ประโยชน์อื่นนอกจากเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย และที่รกร้างว่างเปล่า โดยจัดเก็บเพียง 10% ของภาระภาษีทั้งหมดนั้น จะส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ จัดเก็บรายได้ลดลงไป 20,000 – 30,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเก็บได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งหลายแห่งเริ่มเห็นการจ่ายผ่านระบบธนาคารและคิวอาร์โค้ด โดยยังไม่ได้รับรายงานว่า การคัดค้านการจัดเก็บภาษีนี้แต่อย่างใด . – สำนักข่าวไทย