กรุงเทพฯ 13 ส.ค.-“เชาว์” ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกอ.ผ่านเฟซบุ๊ก เรียกร้องรื้อคดี “พานทองแท้-บอส” คราวเดียวกัน ชี้ “เนตร”ไม่มีอำนาจ กฎหมายบัญญัติชัดเป็นอำนาจเฉพาะตัวของอสส.เท่านั้น ยันไม่มีอคติหรือการเมืองแฝง แต่อยากให้กู้ศรัทธาประชาชน
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก Chao Meekhuad เรื่องจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.) ขอให้พิจารณากรณีนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ยื่นอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาทว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยมีเนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้ไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อยื่นเรื่องขอให้อธิบดีดีเอสไอ รื้อคดีนายพานทองโดยมีพ.ต.อ.อัครพล บุญโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีดีเอสไอเป็นผู้รับหนังสือ
นายเชาว์ ระบุว่า ขอให้อธิบดีดีเอสไอยื่นคำร้องเพิกถอนคำสั่งชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุดที่ทำให้ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีต่อ โดยให้เหตุผลว่านายเนตร เป็นผู้ออกคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์ ทั้ง ๆ ที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นแย้งให้อุทธรณ์และผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนมีความเห็นแย้งให้ลงโทษจำคุกนายพานทองแท้นั้น เป็นไปโดยไม่ชอบ เพราะนายเนตรไม่มีอำนาจกระทำได้ เนื่องจากอำนาจการชี้ขาดความเห็นแย้งกฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด ที่ถือเป็นดุลยพินิจเฉพาะตัว เฉพาะตำแหน่งทางกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะ
“ไม่อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทนได้ แม้จะปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดก็ตาม ตามคำวินิจฉัยอัยการสูงสุดที่ 41/2533 และเทียบเคียงแนวคำสั่งฎีกาที่ 30/2542 นอกจากนี้ ยังเทียบเคียงได้กับเรื่องการรับรองอุทธรณ์หรือฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งในชั้นอุทธรณ์และฎีกาจะแยกอำนาจของอธิบดีอัยการหรืออัยการสูงสุดระบุไว้แจ้งชัดว่าในชั้นอุทธรณ์มอบหมายให้ลงลายมือชื่อแทนได้ แต่ในชั้นฎีกาไม่ระบุไว้เช่นเดียวกับกรณีเรื่องการชี้ขาดความเห็นแย้ง ดังนั้น การสั่งคดีชี้ขาดความเห็นแย้งของนายเนตร แม้จะอ้างว่าได้รับมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะขณะสั่งคดี นายเนตรไม่ใช่อัยการสูงสุด” นายเชาว์ ระบุ
นายเชาว์ ระบุว่า ขณะนี้ทราบว่าดีเอสไออยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมายก่อนจะตัดสินใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร ซึ่งในระหว่างรอดีเอสไอ อยากฝากถึงคณะกรรมการอัยการที่จะพิจารณาประเด็นนายเนตรกลับคำสั่งอัยการสูงสุดจากฟ้องเป็นไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยาว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบหรือไม่อย่างไร และขอให้พ่วงประเด็นการสั่งไม่อุทธรณ์คดีนายพานทองแท้ด้วย เพราะเรื่องนี้ข้อกฎหมายชัดเจนยิ่งกว่า และไม่จำเป็นต้องไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการอัยการอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพูดประเด็นนี้หลายครั้งแล้ว กระทั่งทำหนังสือถึง DSI ด้วยเท่ากับความปรากฏต่อคณะกรรมการอัยการแล้วและสมควรนำเรื่องนี้พิจารณาในคราวเดียวกัน
“นี่เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รื้อคดีโอ๊คกลับเข้าสู่การพิจารณาของศาลในชั้นอุทธรณ์ได้ ถ้าคณะกรรมการอัยการเห็นด้วยกับข้อกฎหมายที่ผมเสนอ ก็สามารถทำหนังสือถึงศาล ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า มีการสั่งคดีโดยไม่ชอบ แล้วให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลแถลงข้อพิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อขอให้คดีโอ๊คกลับสู่สถานะเดิมตามกระบวนการกฎหมายที่ถูกต้องชอบธรรมต่อไปได้ ยืนยันอีกครั้งว่าผมเปิดประเด็นเรื่องนี้ ไม่ได้มีอคติหรือมีวาระการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ดำเนินการในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งที่อยากเห็นบรรทัดฐานการสั่งคดีของอัยการ ไม่ว่าจะเป็นคดีใด เกี่ยวพันกับคนใหญ่คนโตหรือไม่ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมายเดียวกัน” นายเชาว์ ระบุ
นายเชาว์ ระบุว่า เมื่อข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายปรากฎชัดว่าอำนาจการชี้ขาดความเห็นแย้งเป็นดุลยพินิจเฉพาะตัวเฉพาะตำแหน่งอัยการสูงสุด แต่รองอัยการสูงสุดกลับใช้อำนาจแทนเสียเอง จึงถือเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อกฎหมาย และยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขได้ตามช่องทางกฎหมาย จึงขอให้คณกรรมการอัยการดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมาย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งกับสังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะกับแวดวงอัยการเอง ที่อยู่ในภาวะเสื่อมถอย ต้องรีบกู้ศรัทธาจากประชาชนคืนมาโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย