สำนักข่าวไทย 5 ส.ค.- จากเหตุการณ์บึ้มสนั่นช็อกโลกเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม กลางกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ทำให้มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก เมืองหลวงของเลบานอนกัน
ประเทศเลบานอน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐเลบานอน (Lebanese Republic) เป็นประเทศเล็กๆในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีขนาดเพียง 10,452 ตารางกิโลเมตร สามารถขับรถจากพรมแดนทางทิศเหนือไปทิศใต้ได้โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ประเทศเลบานอนมีพรมแดนติดกับประเทศซีเรีย อิสราเอล และติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมี “กรุงเบรุต” (Beirut) เป็นเมืองหลวง
กรุงเบรุต (Beirut) คือเมืองหลวง เมืองท่า เมืองเก่าแก่ และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเลบานอน ตั้งอยู่บนปลายแหลมเล็กที่ยื่นออกไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กรุงเบรุตเป็นศูนย์กลางทางการศึกษามาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเบรุต ได้แก่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเบรุต เป็นพิพิธภัณฑ์หลักในการศึกษาแหล่งโบราณคดีในประเทศเลบานอน ได้มีการเริ่มสะสมของประเภท ในช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 พิพิธภัณฑ์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1942 มีโบราณวัตถุมากกว่า 10,000 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นวัตถุสมัยโบราณ
Saint George’s Orthodox Cathedral หนึ่งมหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเบรุต ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1767 ภายในมีสถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ จากการลอบวางระเบิดภายในโบสถ์ในปี ค.ศ. 1975 ทำให้มีการค้นพบโบสถ์เก่าสมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่ถูกฝังอยู่ใต้โบสถ์แห่งนี้ปัจจุบันที่นี่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์
Raouche Rock หินสวยแบบธรรมชาติที่ตั้งตระหง่านอยู่ในทะเล ด้วยรูปทรงประหลาดสูง 60 เมตร ที่นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงเบรุต
เหตุการณ์บึ้มช็อกโลก! ครั้งใหญ่ที่กรุงเบรุต เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือหลัง 22.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย แรงระเบิดรุนแรงรู้สึกได้ไกลถึงเกาะไซปรัส ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 160 กิโลเมตร และมองเห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ราวกับดอกเห็ดยักษ์ได้จากระยะไกล
หลังเกิดเหตุหลายชั่วโมง เพลิงยังคงลุกโชนอยู่ในเขตท่าเรือ ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวไปรักษานอกเมือง เพราะโรงพยาบาลในกรุงเบรุตเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บ ต้องระดมรถพยาบาลของกาชาดจากทั่วประเทศมาช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บ ขณะนี้สภากลาโหมขั้นสูงของเลบานอน ประกาศให้กรุงเบรุตเป็นเมืองภัยพิบัติ หลังจากประธานาธิบดีมิเชล อูน เรียกประชุมฉุกเฉิน คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก และได้ประกาศให้ไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน
นายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอับ ประกาศว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ผ่านไปอย่างลอยนวล พร้อมให้คำมั่นกับผู้สละชีพและผู้บาดเจ็บว่าผู้ที่ทำให้เกิดภัยพิบัตินี้จะต้องรับผิดชอบสถานหนัก.