รัฐสภา 5 ส.ค.- “จุรินทร์” เผย ที่ประชุมส.ส. ปชป. เห็นด้วยเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล เหตุ ปชป.เสียงไม่พอ รอประสานพรรคร่วมอีกครั้ง หนุนหากนำไปสู่ประชาธิปไตย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะได้กำหนดเป็นเงื่อนไขเมื่อได้รับเชิญให้ร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็สนองตอบ และแถลงเป็นนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่าจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ และความชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้กำหนดว่าอย่างน้อยที่สุดจะต้องแก้ไขมาตรา 256 ว่าด้วยกระบวนการวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมาตราดังกล่าวทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ยากมาก ต่างกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ และหลายฝ่ายห่วงว่าอาจนำไปสู่การฉีกรัฐธรรมนูญ การแก้มาตรา 256 จึงมีความจำเป็น หากมีประเด็นใดก็ตามที่นำไปสู่ประชาธิปไตยยิ่งขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมสนับสนุน โดยพรรคไม่ประสงค์ขัดแย้งกับฝ่ายใด เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งส.ส. ส.ว. และประชาชน
ส่วนการเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเสนอญัตติต้องใช้เสียงส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 คือ 100 เสียง แต่พรรคประชาธิปัตย์มีส.ส. 52 คน จึงเสนอเพียงลำพังไม่ได้ ต้องหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ตนจึงมอบหมายให้วิปของพรรคประสานงานกับวิปรัฐบาลในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งหากเสนอญัตติในนามพรรคร่วมรัฐบาลได้จะยิ่งเป็นเรื่องดี
ภายหลังจากการประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ แถลงเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ส.ส. เห็นด้วยกับการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเสนอได้เพียงพรรคเดียว และได้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุด ประกอบด้วย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนานชินวรณ์ บุญยเกียรติ เพื่อกำหนดประเด็นและรายละเอียดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดนำไปสู่การหารือกับพรรคร่วม และให้นายชินวรณ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป
ต่อข้อถามว่าท่าทีของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร. นายจุรินทร์ ไม่ขอแสดงความเห็น แต่หวังว่าจะเห็นความร่วมมือจากส.ว. เพราะจะสำเร็จได้นั้น ส.ว.ต้องสนับสนุนด้วย.-สำนักข่าวไทย