ประจวบคีรีขันธ์ 21 ก.ค.- ชุดสืบจับกุมแล้วผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นแม่ของพนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดฯ ที่ถูกจับเมื่อเดือน มิ.ย. คดียักยอกงบประมาณ 39.2 ล้านบาท ส่วนหัวหน้าการเงินเตรียมออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อนุมัติหมายจับนางสายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 56 ปี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 157 ซึ่งนางสายพิณ เป็นแม่ของ น.ส.ขนิษฐา พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาคดียักยอกงบประมาณ 39.2 ล้านบาท ที่ถูกจับกุมเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม ขณะนี้ถูกควบคุมตัวจากการฝากขังผัด 3 ที่เรือนจำ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดชุดสืบสวนภูธรจังหวัดได้จับกุมตัวนางสายพิณ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อดำเนินคดี และคัดค้านการประกันตัวในการฝากขังผัดแรก
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานที่ น.ส.ขนิษฐา โอนเงิน 33.9 ล้านบาท สั่งจ่ายจากบัญชีภัยแล้ง 23.2 ล้านบาท บัญชีงบแผนพัฒนาจังหวัดปี 2563 จำนวน 3.2 ล้านบาท บัญชีเงินฝากคลัง 7.3 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารของนางสายพิณ โดยผ่านระบบการเงินการคลัง GFMIS เพื่อนำไปสร้างข้อมูลหลักฐานเท็จ โดยให้แม่เป็นตัวแทนในระบบหลักผู้ขาย จากนั้นมีการกรอกข้อมูลผ่านแบบขออนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย มีการปลอมลายมือชื่อของผู้มีอำนาจ เพื่อนำไปสร้างข้อมูลหลักผู้ขายและสั่งจ่ายเงินตรงเข้าบัญชีที่กรอกไว้ตามแบบอนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย นอกจากนี้ มีการโอนเงินเข้าบัญชีญาติอีกหลายรายและกระจายเงินผ่านเว็บพนันออนไลน์
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนนักวิชาการการเงินและบัญชีชำนาญการ หัวหน้าการเงิน สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้น พนักงานสอบสวนจะมีหนังสือไปถึงหัวหน้าหน่วยงานเพื่อแจ้งหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้สำหรับบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากการลงลายมือในเอกสารทางการเงิน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ เนื่องจากเป็นการทุจริตที่มีงบประมาณจำนวนมากและคดีนี้ประชาชนให้ความสนใจ ขณะที่ น.ส.ขนิษฐา หากครบกำหนดฝากขังในผัดที่ 4 พนักงานสอบสวนจะต้องนำตัวไปขออำนาจศาลเพื่อฝากขังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม.-สำนักข่าวไทย