กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – ราคาน้ำมันปรับขึ้นถี่หลังทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันร่วมมือลดกำลังผลิต พรุ่งนี้ ราคาหน้าปั๊มขยับขึ้นอีก 40-60 สตางค์/ลิตร
PTT Station และบางจากฯ แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดเพิ่มขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E85 เพิ่มขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดปรับเพิ่มขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร มีผล 23 มิถุนายน 2563 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกของ PTT Station ราคาต่อลิตร จะเป็นดังนี้ เบนซิน 29.56 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 22.15 บาท E20 ราคา 20.64 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 21.88 บาท E85 ราคา 18.39 บาท ดีเซล (B 7) 22.39 บาท B10 ราคา 19.39 บาท B20 ราคา 19.14 บาท และดีเซลพรีเมี่ยม 26.54 บาท โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในสื่อสังคมออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การปรับขึ้นราคาน้ำมันหลังทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ โดยมีการปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 23 มิถุนายน มีการขึ้นราคา 12 ครั้ง รวมประมาณ 6 บาทต่อลิตร ลดราคา 3 ครั้ง รวม 1.10 บาทต่อลิตร ซึ่งมีข้อเสนอให้กระทรวงพลังงานมาดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เคยระบุว่า ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน มีการลดราคาลงไปต่ำมาก ราคาที่ขยับขึ้นเป็นการสะท้อนราคาตลาดโลกโดยที่ผ่านมามีทั้งนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าดูแล และมีการลดราคาหน้าโรงกลั่นฯ ลง 50 สตางค์ต่อลิตร
ด้าน บมจ.ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 37- 42 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 39 – 44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ผันผวนเหตุตลาดกังวลโควิด-19 ระบาดระลอก 2 ขณะที่อุปทานมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยสถานการณ์ราคาน้ำมันสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 – 19 มิ.ย. 63) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น 3.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 39.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 3.46 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 42.19 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 43.12 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล โดยตลาดยังคงกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ในสหรัฐ จีนและเกาหลีใต้ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มปรับลดลง หลังโอเปกยืนยันในการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง นอกจากนี้ กำลังการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐ เดือนกรกฎาคม 2563 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563. -สำนักข่าวไทย