“สนธิรัตน์” ลดราคาน้ำมัน-ต่ออายุลดราคาก๊าซ เอ็นจีโอหนุนทำงานต่อ

กรุงเทพฯ 15 มิ.ย. – กบง.หนุนลดค่าครองชีพประชาชนต่อเนื่อง ทั้งลดราคาหน้าโรงกลั่น 50 สต. มีผล 17 มิ.ย. ต่ออายุลดราคาแอลพีจี 3 บาท/กก. อีก 3 เดือน ต่ออายุลดราคาเอ็นจีวีรถสาธารณะอีก 1 เดือน กลุ่มผีเสื้อฯ หนุน “สนธิรัตน์” ทำงานต่อ    

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พบปะกลุ่ม “ผีเสื้อกระพือปีก 17 ภาคีเครือข่ายและประชาชนไทย” ที่ลานอาคารเอนเนอร์ยีคอมเพล็กซ์  โดยแจ้งผลมติคณะกรรมการ กบง.วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่มีมติปรับลดโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น 50 สตางค์/ลิตร มีผลวันที่ 17 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรมที่มีกลุ่มผีเสื้อเป็นฝ่ายเสนอ ซึ่งกลุ่มผีเสื้อขอบคุณและเห็นว่านายสนธิรัตน์ มีความจริงใจ และตามกระแสการปรับ ครม.ทางกลุ่มขอส่งเสียงไปยังนายกรัฐมนตรีว่า นายสนธิรัตน์ เหมาะสมในการดูแลกระทรวงพลังงานต่อไป พร้อมยื่นหนังสือถึงนายสนธิรัตน์ ขอให้คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรมมีการประชุมต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านมาได้หยุดประชุมตามนโยบายการป้องกันการระบาดโควิด-19 พร้อมทั้งขอให้กระทรวงฯ ต้องชี้แจงรายละเอียดโครงสร้างราคาน้ำมันฯ ทุกชนิด โดยไม่มีการปิดบังใด ๆ 

นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวกับกลุ่มผีเสื้อฯ ด้วยว่า ตนเองจะทำงานในตำแหน่ง รมว.พลังงานต่อไป หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจ โดยไม่ได้สนใจกระแสการเมือง และยังทำหน้าที่ต่อ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลราคาพลังงานที่เป็นธรรม พร้อมกับเรื่องที่จะเร่งต่อและขอสนับสนุนจากภาคประชาชน คือ เรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนที่จะเสนอขออนุมัติจาก ครม.ใน 1-2 สัปดาห์นี้ เรื่องการนำระบบบล็อกเชนมาซื้อขายปาล์ม รวมทั้งเรื่องโซลาร์บนหลังคาดบ้าน โดยจะเรียกประชุมทุกภาคส่วนเพื่อระดมความเห็นใน 1 เดือนนี้ เพราะที่ผ่านมาโครงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนมีการเปิดรับซื้อ 50 เมกะวัตต์/ปี แต่มีผู้เสนอขายเพียง 3 เมกะวัตต์เท่านั้น   

นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า  มติ กบง.วันนี้ แม้จะลดราคาหน้าโรงกลั่นฯ 50 สต./ลิตรในวันที่ 17 มิถุนายน แต่ราคาขายปลีกนั้นขึ้นอยู่กับผู้ค้าน้ำมัน ว่าจะปรับเปลี่ยนเท่าใด ซึ่งอยู่กับค่าการตลาดวันนั้น แต่เชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันขายปลีกจะลดลง นอกจากนี้ กบง.ยังต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพ เพื่อลดผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยต่ออายุการลดราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี ) เป็นการทั่วไป ในอัตรา 3 บาท/กก. หรือ 45 บาท/ถัง ขนาด 15 กก.(ราคาประมาณ 318 บาท/ถังขนาด 15 กก. ) ต่อไปอีก 3 เดือน หรือสิ้นสุด 30 กันยายนนี้ หลังจากมติเดิมลดราคา 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 24 มิถุนายนนี้ รวมทั้งขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขยายเวลาการช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 100 บาท/คน/เดือน ต่อไปจนถึงเดือนกันยายน 2563 โดยคาดว่าวงเงินอุดหนุนแอลพีจี โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 248 ล้านบาท/เดือน หรือ ประมาณ 744 ล้านบาท ในเวลา 3 เดือน 

ที่ประชุม กบง. ขยายเวลาลดราคาขายปลีกเอ็นจีวีรถโดยสารสาธารณะ (ในเขต กทม./ปริมณฑล: รถแท็กซี่/ตุ๊กตุ๊ก/รถตู้ ร่วม ขสมก. ในต่างจังหวัด: รถโดยสาร/มินิบัส/สองแถว ร่วม ขสมก.  รถโดยสาร/รถตู้ ร่วม บขส. และรถแท็กซี่) 3 บาท/กก. ปรับลดจาก 13.62 บาท/กก. เป็น 10.62 บาท/กก. อีก 1 เดือน ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดลงวันที่ 30 มิถุนายน ให้ขยายเวลาถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้  โดยในส่วนนี้ บมจ.ปตท.จะเข้ามาอุดหนุนต้องใช้วงเงินประมาณ 200 ล้านบาท/เดือน  และ กบง.ยังเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างราคาเอ็นจีวีใหม่จากปัจจุบันใช้สูตรอิงราคาต้นทุน (COST PLUS ) โดยปรับให้เป็นอิงราคาน้ำมันดีเซล บี 10 โดยราคาเอ็นจีวีจะมีราคาต่ำกว่าบี 10 ร้อยละ 25 ซึ่งสูตรนี้จะต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อเห็นชอบต่อไป  

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ใช้โอกาสนี้ทบทวนความเข้าใจเรื่องการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศไทยนั้นเป็นการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม กระทรวงพลังงานไม่ได้กำหนดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงหน้าสถานีบริการ ซึ่งผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละยี่ห้อแต่ละสถานีบริการจะปรับราคาขึ้นหรือลงตามการแข่งขันอย่างเสรี กระทรวงพลังงานเพียงจัดทำโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นเพื่อไว้ประเมินราคาที่ควรจะเป็น ณ เวลานั้น ๆ มีไว้อ้างอิง เปรียบเทียบ ไม่มีผลบังคับกับผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด ราคาน้ำมันของตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นหรือลงทุกวัน ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงหน้าสถานีบริการของประเทศไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงทุกวัน กระทรวงพลังงานจะติดตามความเหมาะสมโดยมี “ค่าการตลาด” หรือประมาณการกำไรขั้นต้นก่อนหักค่าใช้จ่ายระหว่างผู้ค้าน้ำมันและเจ้าของสถานีบริการแต่ละยี่ห้อไว้ในโครงสร้าง  ซึ่งค่าการตลาดที่ กบง.เคยเห็นชอบไว้ที่อัตราเฉลี่ย 1.85 บาทต่อลิตร เป็นค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันทุกชนิดในภาพรวม ไม่ใช่พิจารณารายผลิตภัณฑ์ และจะมีความยืดหยุ่น +/- 0.40 บาทต่อลิตร หรือค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 1.45 – 2.25 บาทต่อลิตร.-สำนักข่าวไทย