เชียงราย 15 มิ.ย. – สทบ.เรียกร้องสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและพัฒนาชุมชน
นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) เป็นประธานในพิธีการแลกเปลี่ยนผลผลิตระหว่างสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ณ หอประชุมองค์การบนิหารส่วนตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย หลังจากลงพื้นที่กองทุนหมู่บ้านในโครงการความร่วมมือเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กทบ. เพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันเองระหว่างสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน เน้นการเสริมสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ
ทั้งนี้ ยอมรับว่าขณะนี้ได้รับความนิยม เนื่องจากกระแสตอบรับจากกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศเกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว สมาชิกกองทุนหมู่บ้านให้ความสนใจ จึงเกิดการแลกเปลี่ยนผลผลิตระหว่างสมาชิกกองทุนหมู่บ้านของภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ที่ได้นำผลผลิตของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ชุมพร จันทบุรี ตราด และปราจีนบุรี มาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศได้เกิดการซื้อขายให้มากขึ้น
นายรักษ์พงษ์ กล่าวย้ำว่า บทบาทของกองทุนหมู่บ้านจากนี้ไปไม่ได้เน้นเพียงเรื่องการกู้เงินเพียงอย่างเดียว เพราะทำมากว่าสิบปีแล้วช่วงที่ผ่านมา จากนี้ไปจะเป็นช่วงของการยกระดับรายได้ ความเป็นอยู่ของสมาชิก การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ และส่งเสริมการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างสมาชิกด้วยกัน เพราะสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 12.9 ล้านครัวเรือน จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก หลังจากฟื้นฟูเศรษฐกิจจากปัญหาโควิด-19 เนื่องจากสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศมีความกลมเกลียว สามัคคี จึงนำสินค้าดีมีคุณภาพมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน และเริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น เพราะกลุ่มชาวบ้านมีข้าว ผัก ผลไม้ ปลาทะเล อาหารแห้ง ไข่เค็ม เครื่องจักสาน เสื้อผ้า หัตกรรม เช่น น้ำดื่ม กทบ. ของสมาชิก หากซื้อขายกันเองจะช่วยเหลือชุมชนผลิตน้ำดื่มได้อย่างมาก เพราะการใช้ขวดน้ำดื่มแต่ละปีมูลค่าถึง 30,000 ล้านบาท และยังมีสินค้าอื่นอีกมากมาย ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจชุมชน.- สำนักข่าวไทย