มินนีแอโปลิส 1 มิ.ย.-เหตุจลาจลในสหรัฐจากความไม่พอใจการตายของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี ลุกลามหนัก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้ประท้วงปะทะตำรวจใกล้ทำเนียบขาว เจ้าหน้าที่ต้องยิงกระสุนเตือน ส่วนนิวยอร์ก ม็อบปะทะตำรวจ บาดเจ็บ 33 นาย รถตำรวจเสียหายกว่า 47 คัน
การประท้วงเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่เสียชีวิตหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองมินนีแอโปลิสตรึงไว้จนหายใจไม่ออกยังคงดำเนินต่อไป โดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า มีการชุมนุมประท้วงใน 75 เมืองเป็นอย่างน้อยจนต้องส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในกว่า 10 รัฐ
ที่นครลอสแอนเจลิสมีร้านค้าปลีกถูกปล้นหลายร้าน ขณะที่ผู้ประท้วงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ปะทะกับตำรวจใกล้ทำเนียบขาว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงกระสุนเตือน ส่วนที่นิวยอร์ก ผู้ประท้วงได้พากันชุมนุมตามสถานที่ ที่มีชื่อเสียง เช่น ในย่านไทม์สแควร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า การปะทะกันทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บาดเจ็บ 33 นาย และรถตำรวจอย่างน้อย 47 คัน ได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลาย และตำรวจนิวยอร์กควบคุมตัวผู้ประท้วงไว้กว่า 300 คน
ล่าสุดมีการประกาศใช้เคอร์ฟิวแล้วในอย่างน้อย 25 เมือง ซึ่งสื่อรายงานว่า ครั้งสุดท้ายที่มีการใช้เคอร์ฟิวในหลายเมืองขนาดนี้ คือ เมื่อปี 2511 หลังการลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำด้านสิทธิมนุษยชน ขณะที่ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า สถานการณ์ในมินนีแอโปลิส คือตัวจุดชนวนความไม่พอใจทั่วประเทศ ในช่วงเวลาที่ผู้คนจำนวนมากไม่พอใจกับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการว่างงาน เนื่องจากธุรกิจถูกปิด.- สำนักข่าวไทย