นายกฯ ประชุม ศบค. ผ่อนปรนระยะที่ 3 ยึดมาตรการป้องกันเข้มข้น

ทำเนียบฯ 29 พ.ค.-นายกฯ ประชุม ศบค. ผ่อนปรนระยะที่ 3 ปรับเวลาเวลาเคอร์ฟิว 23.00-03.00 น. ย้ำขอให้ยึดมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณคณะรัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมมือกันทำงานอย่างดีที่สุดในการป้องกันและควบคุมโรค อาทิ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ก่อตั้งศูนย์การแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของศูนย์รวมนวัตกรรม KMITL GO FIGHT COVID-19 มีนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและควบคุมโรค ได้แก่ รถตู้โมบายล์ swab test ระบบตรวจจับอุณหภูมิด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน ตู้เก็บเชื้อระบบความดันบวก ตู้เก็บเชื้อระบบความดันลบ เครื่องอบฆ่าเชื้อโรคระบบปิด เครื่องช่วยหายใจแบบพกพา เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและนำมาใช้งานได้ โครงการผลิตและพัฒนาขึ้นใช้เอง จะได้นำไปใช้งาน และพัฒนาต่อยอดต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณากำหนดมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ขอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และเมื่อประกาศมาตรการผ่อนคลายแล้ว ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจวิธีคิด เหตุผลในการผ่อนคลายกิจการใด ๆ และมาตรการบริหารในพื้นที่ ตลอดจนตรวจติดตามและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด 


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเตรียมการเปิดสถานศึกษา และเปิดการเรียนการสอน ต้องพิจารณาความพร้อมในทุกด้าน บุคลากรครู และอุปกรณ์การเรียนการสอนให้พร้อม ส่วนระบบการเรียนออนไลน์ จะเป็นการใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสพัฒนาการเรียนออนไลน์สำหรับพื้นที่ห่างไกล จุดเปราะบาง ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างเมืองกับชนบท

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจถึงเจตนาของการขยาย พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่ารัฐบาลทำเพื่อให้การบริหารสถานการณ์ในภาพรวมของ ศบค.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ หากสถานการณ์ดีขึ้นในระยะ 4 อาจจะมีการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีความจำเป็นต้องคง พ.ร.ก. ฉุกเฉินไว้ เพื่อดำเนินมาตรการต่ออย่างราบรื่น สามารถควบคุมสถานการณ์ต่อไปและดำเนินมาตรการรองรับในขั้นตอนต่อ ๆ ไปได้ เช่น การใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สถานการณ์ยังวางใจไม่ได้ ต้องเตรียมพร้อมอยู่เหมือนเดิม และยังคงต้องใช้มาตรการทางสังคมที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ช่วยกันดูแล สอดส่อง และตักเตือน พร้อมได้สั่งการให้ดำเนินการเปรียบเทียบมาตรการกับประเทศอื่น ๆ ที่มีสถานการณ์คลี่คลายแล้วว่ามีการดำเนินการผ่อนคลายอย่างไร


ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อว่าจำนวนผู้ป่วยในไทยมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งผู้ป่วยขณะนี้มาจากต่างประเทศ ขณะที่การแพร่ระบาดในประเทศลดลง ส่วนสถานการณ์โลกยังคงน่าเป็นห่วงในหลายประเทศ เช่น บราซิล สหรัฐฯ รัสเซีย อินเดีย และชิลี

นพ.สุขุม กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สำรวจพฤติกรรมการป้องกันของประชาชน พบว่าพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนลดลง ยกเว้นการใส่หน้ากากที่ประชาชนยังให้ความสำคัญ ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนเดินทางออกนอกจังหวัดถึงร้อยละ 26 และมีกิจกรรมในการพบปะรวมกลุ่มกันมากขึ้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามีคนไทยร้อยละ 11 ไปร่วมกิจกรรมทางสังคม ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่จะยังคงเดินทางไปแค่สถานที่ซึ่งมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประชำวัน ได้แก่ ตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ทำงาน สถานพยาบาล ร้านอาหาร และร้านตัดผม และจากการสำรวจพบว่า การจัดมาตรการป้องกันของแต่ละสถานที่ยังทำได้ไม่ดี ควบคุมได้เพียงร้อยละ 57 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่นันทนาการ และศาสนสถาน ทำได้น้อยกว่าร้อยละ 50 และประชาชนเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการแพร่ระบาด แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มั่นใจการป้องกันการติดเชื้อด้วยตนเอง ส่วนความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีน ขณะนี้ไทยกำลังทดลองในสัตว์ คาดว่าผลของการทดสอบ 10 แบบ ใน 5 ประเทศ จะใช้เวลา 6-12 เดือน

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รายงานการปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ว่า ภาพรวมการตรวจ และการดำเนินการของชุดตรวจ พบว่าจับกุมผู้กระทำความผิด ฝ่าฝืน ได้น้อยลง ประชาชน ร้านค้า ให้ความร่วมมืออย่างดี มีกิจกรรมมั่วสุมลดลง

นายเฉลิม พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานการปฏิบัติการของศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชนว่า ได้ดูแลผู้ถูกกักตัวใน State Quarantine ด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น และรายงานถึงกิจกรรมที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดดำเนินการ จำนวน 47,164 แห่ง อนุญาตให้เปิดกิจการ/กิจกรรมได้ 291,394 แห่ง ทั้งนี้ จากการประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 มีผลปรากฏว่าประชาชนให้ความร่วมมือตามมาตรการป้องกันโรคเกินร้อยละ 90

น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานภาพรวมการใช้งานแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ว่ามียอดสะสมร้านค้าใช้งาน 125,408 ร้าน จำนวนผู้ใช้งาน 15,592,611 คน ตั้งแต่วันที่ 17-28 พฤษภาคม 2563 ส่วนผลการประเมินกิจการ/กิจกรรม ตามมาตรการ ผลคะแนนเกินร้อยละ 90 ในทุกประเภทธุรกิจ เช่น การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ธนาคาร คลินิกเสริมความงาม

จากนั้นที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 โดย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาถึงมาตรการคัดกรองป้องกันเป็นหลัก โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาดำเนินการ คือ มาตรการคัดกรองไข้ และอาการไอ หอบเหนื่อย จาม หรือเป็นหวัด สำหรับพนักงานบริการ และผู้ใช้บริการ และรายงานหน่วยงานรับผิดชอบ กรณีพบผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ตามแนวทางที่กำหนด / ทุกกิจการและกิจกรรมจัดให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้า-ออกสถานที่ และเพิ่มมาตรการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หรือใช้มาตรการควบคุมด้วยการบันทึกข้อมูล และรายงานทดแทน และให้พิจารณาพัฒนานวัตกรรม เช่น การลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่ ระบบการเรียน การสอน การจองคิวแบบออนไลน์ เพื่อให้บริการรูปแบบใหม่ในระยะยาว นำไปสู่การป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ได้พิจารณากำหนดกิจกรรมที่ให้ผ่อนคลายในระยะที่ 3 ได้แก่ 1.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ (เปิดถึง 21.00 น.) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม ไม่เกินรายละ 2 ชม. และไม่มีผู้นั่งรอในร้าน 2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกายดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ เช่น คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา และนวดแผนไทย สถานออกกำลังกาย ฟิตเนส โรงภาพยนตร์ สระน้ำ หรือกิจกรรมทางน้ำ

ในส่วนของมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่ยังคงไว้ ได้แก่ ยังคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก น้ำ อากาศ การปรับเวลาเคอร์ฟิว จากเดิม 23.00-04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. การให้เดินทางข้ามจังหวัดภายใต้มาตรการตามที่ราชการกำหนด และห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ให้เปิดดำเนินการ ไม่เกินเวลา 21.00 น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

Opal 3rd Runner-Up Miss Universe 2024 cr.TPN edit

“โอปอล” คว้ารองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024

“โอปอล สุชาตา” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย บนเวที Miss Universe 2024 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเม็กซิโก และทำได้ดีที่สุดด้วยการคว้าตำแหน่งรองอันดับ 3

สอบปากคำ “เจ๊พัช” 5 ชั่วโมง ยังคงปฏิเสธ

“บิ๊กหมู” เผยสอบปากคำ “เจ๊พัช” เมื่อคืนยาวนาน 5 ชั่วโมง ยังคงให้การปฏิเสธ ไม่ได้ตบทรัพย์ “บอสพอล” ส่งตัวฝากขังพรุ่งนี้เช้า

ตอนบนฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง อากาศเย็นกับมีลมแรง อีสานอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาฯ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล และตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนองกับฝนตกหนักบางแห่ง

นายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ หลังปิดฉากประชุมเอเปค ดันเศรษฐกิจสีเขียว

นายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ หลังปิดฉากการประชุมเอเปค 2024 เน้นย้ำแนวคิดสร้างความร่วมมือและก้าวไปสู่เป้าหมาย เพื่อสร้างโอกาส ส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจ และผลักดันเศรษฐกิจสีเขียว สร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน