ทำเนียบรัฐบาล 26 พ.ค. – ครม. อนุมัติโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงินลงทุนรวม 77,334 ล้านบาท
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในวันนี้ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 วงเงินลงทุนรวม 77,334 ล้านบาทโดยใช้เงินกู้ในประเทศจำนวน 57,999 ล้านบาทและเงินรายได้จำนวน 19,335 ล้านบาท โดยเห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศภายในกรอบวงเงิน 57,999 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการดังกล่าว โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ
โดยโครงการ ฯ จะเป็นการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าระบบสายส่งหรือ 115 เควี ระบบจำหน่ายแรงสูง 22 / 33 เควีและระบบจำหน่ายแรงต่ำในพื้นที่ของ กฟภ. 12 เขตทั่วประเทศประกอบด้วย ภาคเหนือ 3 การไฟฟ้าเขต ( เชียงใหม่ พิษณุโลก ลพบุรี) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 การไฟฟ้าเขต (อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา) ภาคกลาง 3 การไฟฟ้าเขต (อยุธยา ชลบุรี นครปฐม) ภาคใต้ 3 การไฟฟ้าเขต (เพชรบุรี นครศรีธรรมราช ยะลา) ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (พ.ศ. 2563 – 2568) สามารถรองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก 21,354 เมกะวัตต์ในปี 2561 เป็น 26,466 เมกะวัตต์ในปี 2568 (อัตราเพิ่มเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 3) คาดว่าจะมีผู้ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 19.52 ล้านรายในปี 2561 เป็น 23.09 ล้านรายในปี 2568 (อัตราเพิ่มเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 2.43) โดยจะเป็นการพัฒนาระบบไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าแห่งใหม่ ทันสมัย สอดคล้องตามมาตรฐานสากล มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ไฟฟ้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ ลดปัญหาในการปฎิบัติการและการบำรุงรักษา และหน่วยสูญเสียในระบบไฟฟ้า รวมทั้งโครงการ ฯ ยังช่วยเชื่อมโยงระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ธุรกิจอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่สำคัญ ให้มีขีดความสามารถของระบบไฟฟ้าที่สูงขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการกระจายกิจการอุตสาหกรรมไปสู่ส่วนภูมิภาคอีกด้วย
ทั้งนี้ กฟภ. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วยว่า การก่อสร้างสถานีไฟฟ้าเป็นการก่อสร้างในพื้นที่ กฟภ. ไม่มีการดำเนินงานที่ขัดต่อระเบียบ ข้อบังคับหรือข้อห้ามทางกฎหมาย รวมทั้งกฟภ. จะมีระบบติดตาม เฝ้าระวัง การดำเนินงานเพื่อไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมหรือพื้นที่ข้างเคียงด้วย. – สำนักข่าวไทย