มุกดาหาร 13 พ.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แถลงความคืบหน้าคดีครูรุมโทรมนักเรียนที่มุกดาหาร โดยกำชับให้ทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบรัดกุม คดีคืบหน้า 70% ด้าน รมว.ศึกษาธิการ ลั่นต้องไม่เกิดเหตุครูล่วงละเมิดนักเรียนซ้ำอีก ขณะที่ปู่ของ 1 ใน 2 เหยื่อ เผยหากมีโทษประหารก็อยากให้ประหาร
พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยความคืบหน้าคดีครู 5 คนและศิษย์เก่า 2 คน ตกเป็นผู้ต้องหากระทำชำเรานักเรียน ม.2 และ ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลดงมอน อำเภอเมืองมุกดาหาร ว่าอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อส่งอัยการสั่งฟ้องในคดีกระทำชำเรา ส่วนข้อหาค้ามนุษย์ รวมถึงผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พบว่าพยานหลักฐานยังสาวไปไม่ถึง จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ที่รับผิดชอบคดี ติดตามการทำสวนคดีให้รัดกุมและรอบคอบ โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะสามารถสืบพยานล่วงหน้าได้หรือไม่ พร้อมชี้แจงกรณีมีตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีมีนามสกุลพ้องกับผู้ต้องหาคนหนึ่ง พบว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ชี้แจงว่าสำหรับผู้ต้องหาครู 3 คนที่เข้ารับทราบข้อหาเพิ่มเติมในคดีกระทำชำเรานักเรียน ม.4 เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) พบว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ก่อนเข้ามอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ และศาลใช้ดุลยพินิจให้ประกันตัวทั้งหมด
รอง ผบช.ภ.4 ประชุมคดีคืบหน้า 70%
พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ลงพื้นที่ติดตามการสรุปสำนวนคดีที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ขณะที่มีรายงานว่า ข้อมูลดังกล่าวจะนำเสนอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คาดว่าจะลงพื้นที่ติดตามคดีในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าของคดีเดินหน้าไปแล้วร้อยละ 70 ทั้งสองคดี แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ
สรุปภาพรวมของคดีทั้งหมด พบว่าคดีแรก คือ รุมโทรมนักเรียน ม.2 อายุ 14 ปี มีผู้ต้องหา 7 คน ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัวในชั้นศาลแล้ว ส่วนคดีที่ 2 คือ รุมโทรมนักเรียน ม.4 อายุ 16 ปี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน เข้ารับทราบข้อหาไปเมื่อวานและได้รับการประกันตัวในชั้นศาลเช่นกัน ทั้งสองคดีเชื่อมโยงกันตามจุดเกิดเหตุทั้ง 4 จุด ทั้งสนามกีฬาในร่ม บ้านพักครูวิพจน์ บ้านพักครูยุทธนา และห้องเรียนคณิตศาสตร์
ปู่เหยื่อ ม.4 ลั่นหากเป็นไปได้อยากให้ประหาร
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่พูดคุยกับปู่ของเหยื่อวัย 16 ปี ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เกิดคดีความก็รู้สึกใจหาย เพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในโรงเรียนที่เรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 หลังเกิดเหตุไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ก่อเหตุหรือญาติ มั่นใจว่าหลานไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก รู้นิสัยใจคอเป็นอย่างดี ส่วนคดีความขอให้เป็นไปตามกฎหมาย หากโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตก็อยากให้ประหาร
ยังไม่มีความคืบหน้าการตั้งกรรมการสอบ ผอ.โรงเรียน
ด้านนายจักราวุธ สอนโกษา ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 22 ซึ่งรับผิดชอบโรงเรียนจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า โรงเรียนดังกล่าวมีครู 22 คน เมื่อให้ออกจากราชการไว้ก่อน 5 คน จึงเท่ากับว่าสัดส่วนครูกับนักเรียนขาดเพียง 1 อัตรา จึงไม่มีผลกระทบต่อการเรียนการสอนในอนาคต ส่วนกรณีที่มีครูผู้หญิงในโรงเรียนออกมาให้กำลังใจครูที่ตกเป็นผู้ต้องหาและวิจารณ์นักเรียนในทางเสียหายนั้น ได้สั่งให้ทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง ก่อนเตรียมว่ากล่าวตักเตือนต่อไป ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ผอ.โรงเรียน ดังกล่าวนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้เกิดเรื่องหรือไม่
“ณัฏฐพล” ลั่นต้องไม่เกิดเหตุครูข่มขืนนักเรียนซ้ำอีก
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ยืนยันหลังจากนี้จะทบทวนเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพครูตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น พร้อมทบทวนหลักสูตรการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องเข้มข้น เพื่อให้ใส่ใจกับพฤติกรรมครูในโรงเรียน ส่วนการตั้งศูนย์คุ้มครองช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้มีการเฝ้าระวังและทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดความกลัว เพราะจะรับเรื่องในอดีตขึ้นมาตรวจสอบอีกทาง
ปลัด ศธ.ฟันธงไล่ออก 100% คดีครูรุมโทรม
นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้กระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด แต่ยืนยันว่าครูทั้ง 5 คน ถูกไล่ออกแน่นอน 100% เพราะความผิดชัดเจน ส่วนกรณีที่จะมีการฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากกระทรวงฯ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ และพร้อมรับผิดชอบเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ หลังจากนี้เตรียมปรับหลักเกณฑ์ในการสอบครูและครูผู้ช่วย โดยจะเพิ่มการสอบใบประกอบวิชาชีพ 2 วิชา คือ วิชาเอก และด้านจิตวิทยาจรรยาบรรณวิชาชีพครู พร้อมย้ำว่า หลังจากนี้หากปรากฏข่าวว่ามีครูทำผิดวินัยร้ายแรงล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน สามารถลงโทษโดยให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ภายใน 24 ชั่วโมง หรือหากมีเด็กหรือผู้ปกครองแจ้งข้อมูลมาจะต้องลงโทษและตรวจสอบภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นค่อยต่อสู้คดีกันตามกฎหมาย
ด้านองค์การยูนิเซฟ แถลงการณ์ประณามเหตุการณ์รุมโทรมนักเรียนที่มุกดาหาร ถือเป็นเหตุเลวร้ายที่เกิดขึ้น และชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปกป้องคุ้มครองเด็ก และควรเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการเพื่อปรับปรุงการคุ้มครองเด็กในโรงเรียนโดยด่วน.- สำนักข่าวไทย
