รัชดาฯ 13 พ.ค. – พาณิชย์กระตุ้นภาคเกษตร เปิดหลักสูตรเร่งรัดสมาร์ทฟาร์มเมอร์ อัพสกิลเกษตรกรไทยขายออนไลน์ ตรงถึงผู้บริโภค ฝ่าวิกฤติโควิด – 19
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานการสัมมนาหลักสูตร “Smart Farmer ออนไลน์สู่ตลาดโลก” โดยกระทรวงพาณิชย์ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชนออกมาตรการช่วยเหลือและสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรไทยในช่วงการระบาดของโควิด – 19 ด้วยการส่งเสริมความรู้ด้านการส่งออกและทักษะการขายบนแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ ภายใต้พร้อมติดอาวุธ 2 เรื่องสำคัญให้กับเกษตรกรไทย ได้แก่ 1.การให้ความรู้ด้านการส่งออกเบื้องต้นสำหรับเกษตรกร เพื่อผลักดันการส่งออก และ 2.การผลักดันเกษตรกรเข้าสู่การค้าออนไลน์ที่เหมาะสม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2563 ณ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในนโยบายและแผนงานสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ คือ การเร่งส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งและเร่งสนับสนุนการส่งออกโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้จัดโครงการสัมมนาหลักสูตร “Smart Farmer ออนไลน์สู่ตลาดโลก” ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อผลักดันชาวนาและเกษตรกรไทยรุ่นใหม่ให้ได้เรียนรู้เรื่องการส่งออก จากการที่ได้รับทราบถึงปัญหาของชาวนาและเกษตรกรไทยรุ่นใหม่นั้น พบว่ากลุ่มดังกล่าวมีความต้องการรู้เบื้องต้นการส่งออก ที่ผ่านมาชาวนาและเกษตรกรไทยรุ่นใหม่ส่งออกบ้างแล้ว แต่ยังไม่ทราบวิธีการส่งออกที่ถูกต้อง โดยเฉพาะขั้นตอนและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จำเป็น รวมทั้งเรียนรู้การค้าออนไลน์อย่างครบวงจร พร้อมยกระดับให้ก้าวสู่การค้าระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวประกอบด้วยหลักสูตรที่จะช่วยให้เกษตรกรไทยมีรายได้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมด้วยแนวทางการค้าระหว่างประเทศและการส่งออกบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ อีกทั้งยังมีการเรียนรู้แนวทางจากกูรูด้านเกษตรและการค้าออนไลน์กับแนวทางการแปลงร่างให้เกษตรกรไทยผันตัวสู่ Smart Farmer ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
อย่างไรก็ตาม การจัดสัมมนาครั้งนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเกือบ 200 ราย จากจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ครอบคลุมเกษตรกรจากกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป อาทิ ผงข้าวชงพร้อมดื่ม, ซีเรียลจากข้าว, ไอศกรีมผลไม้ ฯลฯ กลุ่มสินค้าข้าว อาทิ ข้าวหอมมะลิ, ข้าวไรซ์เบอร์รี่, ข้าวเหนียว กข.6 ฯลฯ กลุ่มสินค้าปศุสัตว์ อาทิ ผู้เลี้ยงสุกร, ผู้เลี้ยงไก่ กลุ่มสินค้าผลไม้และผัก อาทิ มะม่วง, ผักสวนครัวและกลุ่มสินค้าอื่นๆ อาทิ ผ้าพื้นเมืองที่ทำด้วยไหม, น้ำซอส ฯลฯ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานในสังกัดจึงเร่งรัดจัดทำมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการจัดโครงการ “Thai Fruits Golden Months : ไทยช่วยไทย ชาวสวนอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” สนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้าเกษตรเข้าไปขายในแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซชั้นนำของไทย ได้แก่ Thailandpostmart, Shopee, Lazada, JD Central, Jatujakmall, Cloudmall, The Hub Thailand และ Octorocket.asia ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการดังกล่าวแล้ว
สำหรับด้านตลาดต่างประเทศได้ปรับแผนและภารกิจกระจายผลไม้ โดยปรับรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ จากรูปแบบเดิมเป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายผลไม้ไทยและเร่งรัดการส่งออกผลไม้เชิงรุก โดยจะร่วมมือกับ Tmall (จีน), Bigbasket (อินเดีย), Khaleang.com (กัมพูชา), Aeon (ญี่ปุ่น), Amazon (สิงคโปร์และสหรัฐฯ) และ Lotte (เกาหลีใต้) รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายออนไลน์กับเว็บไซต์พันธมิตรในตลาดอาเซียน จีน และยุโรป และเพิ่มกิจกรรมเจรจาธุรกิจผ่านทางออนไลน์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ส่งออกไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดทำหลักสูตรส่งเสริมศักยภาพและผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพให้ก้าวเข้าสู่การค้าออนไลน์ยุคใหม่และการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเติมองค์ความรู้ที่จำเป็น เช่น การส่งออก การใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเป็นเครื่องมือในการค้าขาย เพื่อช่วยเปลี่ยนเกษตรกรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรยุคดิจิทัลได้ในอนาคต
ล่าสุดได้มีการเจรจากับผู้นําเข้ามะม่วงจากเกาหลี โดยนำเข้าผ่านการเจรจาออนไลน์แล้ว 3,200 ตัน มูลค่าถึง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย