กรุงเทพฯ 4 พ.ค.-รมว.กระทรวงเกษตรฯ แจงเงินช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
งวดแรก ก.คลัง คาดจะส่งผ่านบัญชี ธ.ก.ส. กลางเดือนพฤษภาคมนี้
ด้านอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเชิญชวนผู้ไม่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้ดำเนินการภายใน
15 พฤษภาคม 2563
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 เมษายน
เห็นชอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19
ซึ่งรับผิดชอบโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยมีวัตถุประสงค์บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและครอบครัวไม่เกิน 10 ล้านราย
โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรง 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ทั้งนี้เกษตรกรที่จะได้รับการช่วยเหลือ
มีทั้งผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง
กรมหม่อนไหม การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลของกระทรวงอุตสาหกรรม
และการยาสูบแห่งประเทศไทยของกระทรวงการคลัง
“ขณะนี้ทั้งกระทรวงเกษตรฯ
และกระทรวงการคลังกำลังเร่งดำเนินการ โดยคาดว่า
กลุ่มที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรและมีบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) จะได้รับเงินช่วยเหลืองวดแรกในกลางเดือนพฤษภาคม
ส่วนเกษตรกรที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนหรือรายชื่อตกหล่นนั้น
ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์และชี้แจงขั้นตอนการขึ้นทะเบียนให้เกษตรกรเข้าใจ
รวมทั้งดำเนินการภายในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งหากตรวจสอบความถูกต้องและไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนแล้ว
คาดว่า กระทรวงการคลังจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ได้โดยเร็วเช่นกัน”นายเฉลิมชัยกล่าว
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า กระทรวงเกษตรฯ ห่วงใยทั้งเกษตรกรและประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19
จึงสั่งให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ
ดูแลห่วงโซ่การผลิตอาหารทั้งระบบจนถึงมือผู้บริโภค จัดระบบการรวบรวมผลผลิต
กระจายผลผลิต ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้เกษตรกรขายผลผลิตการเกษตรได้
ส่วนประชาชนสามารถหาชื้ออาหารและสินค้าเกษตรได้โดยไม่ขาดตลาด
นอกจากนี้ในนามกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยและสมาคมชาวปักษ์ใต้จะจัดทำถุงยังชีพ
อาหารพร้อมรับประทาน และสิ่งของจำเป็นแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดือดร้อนทุกวันเสาร์อาทิตย์เวลา
16.00 น. ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนกาญจนาภิเษก
เขนทวีวัฒนาไปตลอดจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย
นายเข้มแข็ง
ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า
ได้จัดทำแนวทางปฏิบัติในการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชเป็น 3
กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1
เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2562
และปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2563 แล้ว 6.3 ล้านครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 30
เมษายน 2563) ขอให้ไปตรวจสอบรายชื่อที่ติดประกาศภายในชุมชน (ตามที่ตั้งแปลงปลูก)
ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 หากมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มนี้
ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ อีก
โดยจะเป็นรายชื่อเกษตรกรชุดแรกที่จะส่งไปให้กระทรวงการคลังคัดกรองเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือเกษตรกร
จากนั้นขอให้รอผลคัดกรองตรวจสอบสิทธิในการเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้
ธ.ก.ส.จะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้น กลุ่มที่ 2
เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ก่อนปี 2562 และยังทำการเกษตรอยู่
1.7 ล้านครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2563)
ขอให้ไปตรวจสอบรายชื่อที่ติดประกาศภายในชุมชน (ตามที่ตั้งแปลงปลูก)
หากพบว่ามีชื่ออยู่ในกลุ่มนี้ ขอให้ไปปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับผู้นำชุมชน หรือ
อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก
ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม และกลุ่มที่ 3
เกษตรกรรายใหม่ซึ่งยังไม่เคยขึ้นทะเบียนเกษตรกร หลังจากที่ปลูกพืชแล้ว 15 วัน
ให้มาติดต่อขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับผู้นำชุมชน หรือ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.)
หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูก ภายในวันที่ 15 พฤษภาคมเช่นกัน
โดยรายชื่อเกษตรกรกลุ่มที่ 2 และ 3 จะเป็นชุดที่ 2
ซึ่งจะส่งให้กระทรวงการคลังคัดกรองเพื่อไม่ให้ซ้ำกับโครงการเราไม่ทิ้งกันเพื่อรับเงินช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารธ.ก.ส.
ต่อไปโดยเร็ว
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า
สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรรายใหม่ ภายหลังจากเกษตรกรทำการปลูกพืชแล้ว 15 วัน
และมาขอขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตามหลักเกณฑ์ของการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยกรอกแบบฟอร์ม
ทบก.01 พร้อมแนบหลักฐานที่กำหนด ส่งให้ผู้นำชุมชน หรือ อกม.
รวบรวมส่งสำนักงานเกษตรอำเภอแล้ว
เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจะดำเนินการบันทึกข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล
ติดประกาศในชุมชน 3 วัน หรือตรวจสอบพื้นที่จริง
หรือจัดทำผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัลต่อไป ทั้งนี้หากมีข้อสงสัย
สามารถโทรสอบถามได้ก่อน
ที่สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูกเพื่อเลี่ยงการเดินทาง
เป็นการลดความเสี่ยงในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 .-สำนักข่าวไทย