ทำเนียบฯ 27 เม.ย.- นายกฯ ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ ระบุแนวทางการผ่อนปรนยึดหลักการสาธารณสุข-WHO รับกังวลเรื่องการเยียวยาหลายฝ่ายไม่เพียงพอ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) มีคณะรัฐมนตรี หน่วยงานด้านความมั่นคง การสาธารสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่ วมหารืออย่างพร้อมเพรียง คาดว่าการประชุมวันนี้ (27เม.ย.) จะมีการประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงและการสาธารณสุข ในมาตรการต่างๆ รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่แม้จะมีอัตราการติดเชื้อจะลดลง แต่แพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารสุขส่วนใหญ่ ยังมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การผ่อนคลายมาตรการและข้อกำหนดต่างๆ โดยทันที อาจส่งผลให้การติดเชื้อกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง อีกทั้งการประชุมของหน่วยงานด้านความมั่นคง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเห็นสอดคล้องว่า ยังควรคงมาตรการและข้อกำหนดต่างๆ ไว้ก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า การประชุมวันนี้จะหารือร่วมกันถึงการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ผ่านมาประเทศไทยทำได้ดีในระดับหนึ่ง ได้รับการยอมรับ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างและที่ต้องมีการพิจารณา คือ เรื่องการต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งการปรับข้อกำหนดให้มีการผ่อนผัน จะต้องให้มีเวลาเตรียมการและมีมาตรการคู่ขนานด้านการสาธารณสุข ต้องดูแลช่วงก่อนที่จะมีการปลดล็อก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มา 1 เดือนเต็ม ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ทำหน้าที่ยังเต็มที่ ทั้งผู้ที่ไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ก็มาเป็นที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือ วันนี้จะมีการพิจารณาข้อเสนอที่ส่งมายังภาครัฐ เป็นความร่วมมือของประชาชนจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หลังจากที่มีการแพร่ระบาดหลังจากนี้
“สิ่งที่ผมจะขอความเห็นชอบจากที่ประชุมในวันนี้ คือแนวทางการผ่อนปรน ภายหลังจากที่มีการขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยแผนต่างๆ จะยึดตามหลักการสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก เป็นหลักในการดำเนินการ สิ่งที่ผมเป็นกังวลก็คือเรื่องการเยียวยาหลายฝ่ายไม่เพียงพอ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ การประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันนี้จะมีการรับฟังและประเมินสถานการณ์จากฝ่ายสาธารณสุขและด้านความมั่นคง ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมจะมีข้อเสนอ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเกี่ยวกับวันวิสาขบูชา วันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ให้งดกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากไม่รวมตัวกัน อย่างไรก็ตามกระทรวงจะพิจารณาและประเมินตามกลุ่มจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีการผ่อนคลายมาตรการลงบ้างแล้ว ก็อาจจะอนุญาตให้จัดกิจกรรมเวียนเทียน ซึ่งถือเป็นพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาได้ โดยต้องมีระยะห่าง แต่ทั้งหมดก็จะขอฝั่งข้อมูลและการประเมินสถานการณ์จากสาธารณสุขก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร.- สำนักข่าวไทย