ทำเนียบรัฐบาล 15 เม.ย.-นายกฯ เผยเตรียมผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ สัปดาห์สุดท้ายเดือนนี้ ยอมรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินส่งผลกระทบ รอ ศบค.ประเมิน หวั่นโควิดหวนระบาดอีกรอบ ย้ำตัวเลขลด แต่ยังต้องเข้มดูแลตัวเอง ระบุกังวลประชาชนแห่ขายทอง หวั่นร้านขาดสภาพคล่อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากากรระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่ า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทยอยลดลงตามลำดับในช่วงหลายวันที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นำมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง โดยสัปดาห์สุดท้ายของเมษายนนี้ จะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังประเมินสถานการณ์ จึงขอความร่วมมือประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ เข้าใจรัฐบาล
“ถ้าจะผ่อนปรนต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะบางพื้นที่ยังมีการแพร่ระบาดโดยเฉพาะภาคกลางและภาคใต้ ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดใหม่ด้วย ขอให้ทุกกิจการเตรียมความพร้อม เพื่อแสดงให้เห็นความมีความพร้อมอย่างไรบ้าง เช่น การตรวจคัดกรองคนเข้าออกในพื้นที่ หากจะเปิดกิจการ ส่วนการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่จะสิ้นสุดในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ศบค.จะต้องประเมินหลายด้าน แม้สถานการณ์จะลดลงบางจังหวะ บางช่วง แต่หากขาดความร่วมมือ หย่อนวินัย หย่อนความเข้มงวด โรคระบาดจะกลับมาโจมตีได้ ผมทราบดีว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีผลกระทบ จึงได้หามาตรการต่าง ๆ มาทดแทน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคนไทยในต่างประเทศที่จะเดินทางกลับมาว่าต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามาตรการรองรับเพียงพอหรือไม่ ส่วนคนไทยที่ยังไม่กลับได้หาหรือกับสถานทูตไทยในต่างประเทศหามาตรการช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพื่อรอเวลาจัดเที่ยวบินกลับประเทศ สำหรับบผู้ที่เดินทางกลับมาแล้วลับประเทศที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้าสู่ระบบการคัดกรองของรัฐบาล
“ผมกังวลกรณีประชาชนนำทองไปขายคืน ซึ่งถ้านำไปขายจำนวนมาก จะมีปัญหาเรื่องเงินสภาพคล่องของร้านทอง ดังนั้น ถ้าประชาชนยังไม่มีความจำเป็นมาก ขอให้ทยอยขายและเก็บไว้ก่อน เพราะหากเกิดปัญหาตามมาจะต้องแบ่งเงินที่เยียวยาประชาชนไปใช้ในส่วนอื่นด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย