กทม. 3 เม.ย. – เหตุการณ์ผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตบนรถไฟ ก่อนถึงสถานีทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่เจอตัวคนขับแท็กซี่ที่รับผู้โดยสารไปส่งที่สถานีรถไฟบางซื่อแล้ว ซึ่งได้เข้าพบแพทย์ในวันนี้
เหตุการณ์ชายชาวสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เสียชีวิตบนรถไฟ ขบวนที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ปรากฏในภาพวงจรปิดได้แล้ว ทั้งชายหนุ่มที่กำลังขอคืนเงินค่าบัตรโดยสาร ซึ่งเป็นชาวนครศรีธรรมราช พักอาศัยอยู่ที่นนทบุรี
อีกคนเป็นคนขับแท็กซี่เขียวเหลืองที่มาส่งที่สถานีรถไฟบางซื่อ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า รับชายชาวสุไหงโก-ลก จากโรงแรมย่านรามคำแหง ขึ้นนั่งด้านหน้าคู่คนขับ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงถึงสถานีบางซื่อ พูดคุยกันไม่กี่คำ เขาสังเกตเห็นว่าแทบไม่มีอาการอะไรให้เห็น มีเพียงอาการเหมือนคนหายใจไม่เต็มปอด
หลังเห็นภาพข่าว เขาจำได้ และวันนี้มีเจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามา จึงรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล แพทย์ให้กักตัวเองรอดูอาการ แต่ยังไม่ตรวจหาเชื้อให้ เขากับภรรยาต้องหยุดงานกักตัว 14 วัน
การที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่แสดงอาการไข้ ทำให้ชายชาวสุไหงโก-ลก อาจผ่านการคัดกรองขึ้นรถไฟได้ หรือไม่ก็เล็ดลอดการคัดกรอง เพราะลูกสาวมาซื้อบัตรโดยสารให้ก่อนการเดินทางหนึ่งวัน ที่สถานีบางซื่อจะวัดไข้ก่อนการซื้อบัตรโดยสาร แล้วกรอกข้อมูลของผู้เดินทาง ทั้งสถานีบางซื่อเข้าออกได้หลายทาง
ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ผู้โดยสารผ่านประตูเข้าหัวลำโพงเพียงประตูเดียว วัดอุณหภูมิร่างกาย เมื่อผ่านด่านแรกมาได้ต้องกรอกคำร้องประกอบการซื้อบัตรโดยสาร เช่น ชื่อ สกุล เลขประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ ผู้โดยสารคนนี้บอกว่า คัดกรองเข้มงวดทำให้อุ่นใจขึ้น แต่ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ จึงต้องดูแลตัวเองเมื่ออยู่ในขบวนรถ
ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย บอกว่า การคัดกรองของรถไฟทำได้เข้มข้นอยู่แล้ว เพราะผู้โดยสารเหลือค่อนข้างน้อย แต่จะพยายามคัดกรองให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งคืนนี้เป็นต้นไป งดการเดินรถอีก 27 ขบวน ตามการประกาศเคอร์ฟิว
การติดเชื้อที่ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ ยิ่งทำให้ระบบขนส่งอย่างรถไฟ ซึ่งขนส่งผู้โดยสารในแต่ละขบวนได้จำนวนมาก ต้องปรับลดขบวนรถลง เพราะแม้จะผ่านด่านคัดกรองขึ้นรถไฟได้ และไม่ได้หมายความเสมอไปว่ารถไฟขบวนนั้นจะไม่มีผู้ติดโควิด-19. – สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
►ย้อนเส้นทางชาวนราธิวาสเสียชีวิตบนรถไฟ