ทำเนียบฯ 26 มี.ค.-ผบ.ทสส.ขอความร่วมมือทุกคนปฏิบัติตามข้อกำหนด สธ.เพื่อลดการแพร่เชื้อ ย้ำการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุจากตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น หวังคนให้ความร่วมมือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง
พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แถลงข่าวภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เกี่ยวกับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในส่วนของความมั่นคง ว่า ขอทำความเข้าใจว่าถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะจากจำนวนผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง และผู้เสียชีวิตที่ทวีขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะไปจบที่ตัวเลขใด
“นี่คือวิกฤติที่เผชิญ จึงต้องยกระดับ ดังนั้นการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงมีความจำเป็น ทั้งที่ผ่านมาได้ประคับประคองไม่ให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ เมื่อเช้าของวันนี้ เริ่มมีด่านตรวจในที่ต่าง ๆ เป็นจุดควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด และมีจุดอำนวยความสะดวกประชาชน แต่ในระยะต่อไป หากกระทรวงพาณิชย์สั่งควบคุมสินค้าเพิ่มเติม จุดตรวจอาจมีการตรวจค้นมากขึ้นในลำดับต่อไป แต่ปัจจุบันด่านต่าง ๆ เป็นการตรวจคัดกรองโรคตามปกติ” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกคนตระหนักที่จะต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและเตรียมพร้อมเข้าสู่สถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้น แม้ต่างประเทศจะมีมาตรการปิดประเทศ แต่เชื้อโรคยังอยู่ ไม่มีหยุด วันนี้เราไม่ปิดประเทศ แต่อยากให้ทุกคนตระหนักที่จะไม่ทำให้ไปถึงจุดที่หนักขึ้น จึงอยากขอร้องให้ทบทวนสิ่งที่แพทย์ พยาบาล ขอให้งดจัดกิจกรรม และอยู่ห่างกัน เว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด
“ขอเชิญชวนทุกคนมาปรับพฤติกรรมกันเอง แทนที่จะใช้กฎหมายมาบังคับใช้ จึงขอความร่วมมือ ขอร้องผู้บังคับบัญชาและเจ้าของกิจการ มีวิธีบริหารงานสมัยใหม่ที่นำงานกลับไปทำที่บ้าน ทำงานนอกเวลา แทนที่จะปล่อยให้ออกไปทำงานรวมตัวกัน ขอให้เริ่มลงมือทำ พฤหัสบดี คิด ศุกร์สั่ง เสาร์ อาทิตย์ คนไทยร่วมมือกันอยู่กับบ้าน หยุดกิจกรรม หยุดไปพื้นที่เสี่ยง ทำตามที่แพทย์แนะนำ ถ้าออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว 3 มื้อเปลี่ยนเป็น 1 มื้อ และอยู่ห่างกัน ผมขอร้อง และเมื่อวันจันทร์ อังคาร มาถึงศุกร์ หากลองปรับการทำงานให้เหลื่อมเวลา หรือน้อยลง เพื่อลดการแพร่เชื้อ เรามาลองดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ลองคิดถ้ามีคนหนึ่งในโรงงานปิด แล้วบริษัทต้องปิดคุ้มหรือไม่ เพราะการที่มีผู้ติดเชื้อสักคนจะแพร่กระจายเป็นวงกว้าง” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวอีกว่า รัฐไม่ห้ามในการสัญจรไปมา ไม่กักตุนอาหาร และขอให้ผู้ประกอบการใช้เวลานี้คืนกำไรและความมั่นคงให้ลูกค้าว่ามีสินค้าเพียงพอ และจะไม่มีการขึ้นราคาสินค้า หากทุกคนปฏิบัติตามและมาดูผลลัพธ์กันว่าเราจะสามารถหยุดสถานการณ์ผู้ติดเชื้อให้ลดน้อยลงได้หรือไม่
“ที่ผ่านมาหละหลวม ตัวเลขจึงเพิ่ม รอใครไม่ได้ ต้องเริ่มดูแลตัวเอ เ ริ่มป้องกันควบคุมตนเองแทนที่จะถูกบังคับโดยภาครัฐให้ได้ พอมีเสรีในการใช้ชีวิตได้บ้าง นี่คือโอกาสที่เราจะร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการแก้ไขสถานการณ์นี้” พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว
เมื่อถามถึงข้อสังเกตเรื่องสนามมวยลุมพินีที่เป็นจุดเริ่มต้นแพร่เชื้อหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า วันข้างหน้ามาร่วมมือกันเพื่อดำเนินการตามกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมาอาจเกิดจากความบกพร่อง ขอไม่ลงรายละเอียดส่วนที่ผ่านมาแล้ว เพราะมีการตรวจสอบอยู่ แต่ขอเชิญชวนทุกคนมาดูแลตนเองด้วยความสมัครใจ สาเหตุที่ทำให้เชื้อกระจายไป ก็ยอมรับอาจเป็นไปได้ที่มาจากสนามมวย แต่ก็อาจจะมีจากบุคคลที่มาจากส่วนอื่นด้วย แต่ก็อาจมาจากหลายส่วน
เมื่อถามถึงมาตรการขอความร่วมมือ มั่นใจจะทำให้ตัวเลขลดงหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ไม่สามารถตอบในส่วนตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ได้ แต่ขอทุกคนให้ความร่วมมือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งอนาคตอาจมีตัวเลขในทิศทางที่ดีที่พิสูจน์ว่าเรามาถูกทางแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีขอความร่วมมือผู้ประกอบการ หากไม่ได้ผล จะต้องทบทวนมาตรการต่อสังคมหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่าหากสื่อทำหน้าที่เป็นกลาง ช่วยกระตุ้นให้ทุกคนสมัครใจปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
“วันนี้ขอให้ทุกคนเว้นเรื่องร้ายต่อกัน และลดการพุ่งเป้าว่าร้ายใคร แต่มาข่วยกันกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือ ให้เกิดผลของความร่วมมือโดยสมัครใจดีกว่า จึงไม่ขอตอบคำถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อผู้ประกอบการที่ไม่ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการจะให้ความร่วมมืออย่างเคร่งครัด” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าว.-สำนักข่าวไทย