กทม.19 มี.ค.- ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โชว์ผลงานจับกุมชายชาวจีนกว้านซื้อหน้ากากอนามัยมาขายต่อในราคาสูงกว่าที่ควบคุม และคดีอื่น
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติเข้ามาก่อคดีอาชญากรรมหลาย คดีแรก ผลงานตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 การจับกุมนายหวัง ห่าว ชาวจีน ลักลอบเข้ามากว้านซื้อหน้ากากอนามัยที่ใช้ในทางการแพทย์และนำมาโก่งราคาขายในประเทศไทยในราคาสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยประกาศขายให้ลูกค้าที่สั่งซื้อตั้งแต่ 10,000 ชิ้นขึ้นไป ราคาชิ้นละ 15 บาท เจ้าหน้าที่จึงล่อซื้อจับกุมที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และพบว่าเก็บสินค้าไว้ 37,600 ชิ้น ก่อนจะแสดงตัวจับกุม พร้อมให้เจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดเข้าไปตรวจสอบพบว่า เป็นการกระทำความผิดเรื่องการจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศไทยราคาสูงกว่าที่ควบคุม ผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับหน้ากากอนามัยมาจากโรงงานย่านกิ่งแก้ว และยังให้การที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากอยู่ระหว่างการขยายผล
อีกคดี กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี จับกุมนายสเตฟาโน สัญชาติอิตาลี อายุ 63 ปี มีข้อมูลว่าเป็นกลุ่มขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ และเปิดบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจบังหน้าซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลักลอบเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงภาษี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 200 ล้านบาท โดยเป็นการก่อเหตุในประเทศโปแลนด์และสโลวาเกีย ก่อนถูกจับแล้วหลบหนีเข้ามากบดานอยู่ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ชุดสืบสวนสอบสวนจึงตรวจสอบข้อมูลการเดินทางพบว่ามีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยถึง 2 ครั้งและเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยาใต้ จึงออกตรวจสอบจนพบและเข้าควบคุมตัวก่อนดำเนินคดีและส่งตัวกลับ
อีกคดี เป็นผลงานของกองกำกับการสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีกลุ่มคนร้ายเข้ามาตระเวนลักทรัพย์ด้วยกลอุบายตามร้านค้าในอำเภอแม่จันจังหวัดเชียงราย จึงได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย กรมบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 จากการเฝ้าสังเกตการณ์พบว่ามีร้านค้าที่ถูกคนร้ายเข้าไปใช้กลอุบาย 2 ร้านเป็นร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ในอำเภอแม่จัน ร้านขายของชำในอำเภอเดียวกันชุดจับกุมจึงสกัดจับกุมได้หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่ พบมีผู้ร่วมขบวนการ 3 คนคือนายฮัชชัน ทำหน้าที่หลอกเข้าไปซื้อของในร้านค้าที่ก่อเหตุ นาย อัชราฟ ทำหน้าที่ดูต้นทางหรือบางครั้งอาจเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเอง และนายบาค อัลเลาะห์ ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ
โดยพฤติการณ์ของคนร้าย จะทำทีเข้าไปซื้อของภายในร้านขายยา ร้านโทรศัพท์ และร้านขายของชำโดยจะทำทีเข้าไป พูดคุยติดต่อซื้อของภายในร้าน หยิบสินค้า และทำเป็นว่าพูดคุยด้วยไม่รู้เรื่อง ก่อนที่จะทำทีขอคืนสินค้าและจะหยิบเงินเป็นแบงค์พันออกมา แล้วเปลี่ยนท่าทีจะซื้อใหม่ โดยให้เปลี่ยนสินค้าเป็นตัวอื่น ทำพฤติกรรมลักษณะนี้วนไปวนมาจนเจ้าของร้านจำไม่ได้ว่าได้จ่ายเงินหรือยังก่อนจะนำสินค้าที่ได้ออกจากร้านไป ซึ่งส่วนใหญ่คนร้ายจาก เลือกสินค้า ประเภทพิมเสน โทรศัพท์มือถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่มอื่นๆ จากการสอบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายมีพฤติกรรมใช้แบงค์ปลอมไปซื้อสินค้าตามสถานที่ต่างๆ พบผู้เสียหายกว่า 100 ร้านทั่วประเทศ
นอกจากนี้ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ใช้เรือยนต์ตรวจการณ์และรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ จับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาตหรือ overstay ตามพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รวม 17 คน เป็นชาวจีน 5 คนชาวเมียนมาร์ 8 คนชาวลาว 3 คน และชาวแอฟริกัน 1 คน.-สำนักข่าวไทย