ลอสแอนเจลิส 5 มี.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว หลังจากมีผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั้งประเทศเพิ่มเป็น 11 คนแล้ว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นผู้สูงวัยในเทศมณฑลเพลเซอร์ ใกล้เมืองแซคราเมนโต มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว และน่าจะติดเชื้อจากเรือสำราญที่แล่นระหว่างนครซานฟรานซิสโกกับเม็กซิโกเมื่อเดือนก่อน เป็นครั้งแรกที่มีผู้เสียชีวิตนอกรัฐวอชิงตันที่มีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 คนจากผู้ป่วยอย่างน้อย 39 คนที่ติดเชื้อภายในชุมชน นายแกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที และกำลังระดมเจ้าหน้าที่ทุกระดับตามหาผู้ต้องสงสัยป่วยและชะลอการระบาด โดยในขณะนี้พบแล้ว 53 คน
ส่วนสถานการณ์ในรัฐวอชิงตัน ผู้ป่วยจำนวนมากอยู่ในนครซีแอตเทิลและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งครอบคลุมเทศมณฑลที่มีคนหนาแน่น 3 แห่ง ประชากรรวมในปี 2560 อยู่ที่ 3.86 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งรัฐ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชี้ว่า การที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงหรือใกล้ชิดกับผู้ที่อาจติดเชื้อจากต่างประเทศ บ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสได้กลายเชื้อที่เกิดขึ้นภายในไปแล้ว ผู้ป่วยอย่างน้อย 18 คนเกี่ยวข้องกับศูนย์ดูแลคนชรา และเสียชีวิตไปแล้ว 6 คน
ขณะเดียวกันเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียแจ้งพบผู้ป่วยใหม่ 6 คน รัฐนิวยอร์กแจ้งพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มเป็น 10 คน ศูนย์การควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐแจ้งว่า ทั้งประเทศมีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว 129 คน แยกเป็นผู้ป่วย 80 คนใน 13 รัฐ และผู้ป่วย 49 คนที่ได้รับการอพยพจากต่างประเทศ ด้านคณะกรรมการกิจการสาธารณะอิสราเอลอเมริกัน (AIPAC) ที่เป็นกลุ่มล็อบบีสนับสนุนอิสราเอลเผยว่า สมาชิกจากรัฐนิวยอร์กกลุ่มหนึ่งที่ไปร่วมการประชุมนโยบายที่กรุงวอชิงตันเมื่อไม่กี่วันก่อนซึ่งมีคนมากถึง 18,000 คน อาจติดเชื้อจากผู้เข้าร่วมคนหนึ่งที่ป่วยก่อนมาประชุม มีสมาชิกสภาหลายสิบคนไปร่วมการประชุมด้วย หนึ่งในนั้นคือรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์.- สำนักข่าวไทย