รัฐสภา 21 ม.ค.-วุฒิสภามีมติเอกฉันท์ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 หลังรัฐบาลยืนยัน จัดทำงบตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและจะกำกับดูแลการใช้งบเพื่อประโยชน์ของประชาชน ขณะที่มี ส.ว.กังวลข่าว ส.ส. เสียบบัตรแทนกันส่งผลต่อร่าง พ.ร.บ.ประมาณ ปี 2563 หวั่นเป็นโมฆะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมวุฒิสภาวันนี้(21 ม.ค.)มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภา ปรึกษาหารือ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา แสดงความกังวลกรณีที่มีข่าวการเสียบบัตรแทนกัน
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา หารือถึงกรณีที่มีข่าวปรากฏต่อสื่อมวลชนว่ามีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อไม่ให้วุฒิสภาดำเนินการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ควรจะต้องส่งร่างดังกล่าวกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการพิจารณาใหม่ เพราะอดีตศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้การลงมติเป็นโมฆะมาแล้วในกรณีเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ดังนั้น จึงควรหาทางออกเพื่อป้องกันความผิดพลาดเรื่องนี้ไว้ เพราะข้อเท็จจริงได้ปรากฏตามหน้าสื่อแล้ว ขอให้ประธานส่งหนังสือไปยังประธานสภาทวงถามถึงเรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริหารประเทศ
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เห็นว่า วุฒิสภามีเวลา 20 วันไม่สามารถส่งคืนได้ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา ตามมาตรา 143 ของรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าพบว่าผิดจริงและเป็นกรณีเดียวกับเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท วุฒิสภาสามารถส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามขั้นตอนต่อไปได้ เช่นเดียวกับสมาชิกวุฒิสภาอีกหลายคนที่เห็นตรงกันว่า วุฒิสภาต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นไปตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ขณะที่นายพรเพชร กล่าวว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้ส่งมายังวุฒิสภาอย่างเป็นทางการแล้วถือว่าเป็นร่างที่ถูกต้อง วุฒิสภาไม่มีอำนาจไปวินิจฉัยหรือดำเนินการแก้ไขใด ๆ แต่ถ้าสภาผู้แทนราษฎรขอให้ชะลอไว้ก่อน ทางวุฒิสภาก็ต้องชะลอไว้ตามคำขอ แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งขอชะลอในเรื่องดังกล่าว วุฒิสภาจึงต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ต่อจากวานนี้ โดยสมาชิกต่างสอบถามในประเด็นต่างๆ อาทิ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2563 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสร็จแล้ว โดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณด้านนิติวิทยาศาสตร์เนื่องจากหลักการสากลนิติวิทยาศาสตร์เพื่อกระบวนการยุติธรรม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับงบประมาณสนับสนุนที่เพียงพอเพื่อให้การพิสูจน์ทราบเป็นไปอย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้พนักงานสอบสวนและอัยการใช้นิติวิทยาศาสตร์ให้มากในการทำสำนวน และให้รัฐจัดให้มีหน่วยงานด้านนิติมากกว่าหนึ่งและเป็นอิสระ ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่า บุคลากรด้านนิติวิทยาศาสตร์ต้องเชี่ยวชาญเฉพาะไม่โยกย้าย และต้องดำรงอยู่ด้วยความเชี่ยวชาญทางวิชาการเช่นเดียวกับประเทศที่เจริญแล้วนอกจากนี้ การมีหน่วยงานเจ้าภาพในการดูแลงบประมาณ นับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีในอนาคตอย่างไรก็ตาม กลับพบว่าสำนักงบประมาณ ได้ตัดงบฯด้านชันสูตรออกทั้งหมดโดยไม่มีเหตุผล และแม้ว่าอนุกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณางบประมาณปี 2563 จะจัดสรรงบส่วนนี้คืนมาแล้วแต่ก็ทำให้เกิดความไม่แน่ใจในปีถัดไปว่าจะถูกตัดงบฯในส่วนนี้ออกอีกหรือไม่
จากนั้นที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ด้วยคะแนน228 ต่อ 0 งดออกเสียง 8 เสียง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณวุฒิสภาว่าในนามของรัฐบาล ขอบคุณวุฒิสภาที่ให้ความเห็นชอบงบประมาณ3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการบูรณาการทั้งในเชิงยุทธศาสตร์ในพื้นที่เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กระจายผลประโยชน์สู่ประชาชนโดยตรงอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และพร้อมรับข้อเสนอแนะของสมาชิกวุฒิสภาและจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้เงินงบประมาณให้มากขึ้น ทั้งนี้ขอให้ความมั่นใจว่างบประมาณที่ผ่านสภาในวันนี้จะใช้ตามวัตถุประสงค์และรัฐบาลจะดูแลเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ประเทศมั่นคงประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืนตามความมุ่งหวังของวุฒิสภาต่อไป
ทั้งนี้ หลังผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาจะส่งกลับให้ประธานรัฐสภาส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อ ให้นายกรัฐมนตรี นำร่างฯขึ้นทูลเกล้าฯก่อนที่จะมีการประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย