กรุงเทพฯ 25 พ.ย.- ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมกำลังพลเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร “พัฒนาผู้ปฏิบัติงานด้านการต่อต้านการก่อการร้าย” โดยรัฐบาลฝรั่งเศสให้การสนับสนุน ระหว่างวันที่ 25 – 29 พ.ย. 62 ณ ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงภารกิจของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าวันนี้ 25 พ.ย. 62 เวลา 08.30 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผบช.ตชด. และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมภารกิจโครงการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาผู้ปฏิบัติงานด้านการต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อให้มีความชำนาญด้านยุทธวิธีพิเศษและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Royal Thai Police/ RAID Tactical Training in Combating Terrorism) ในระหว่างวันที่ 25 – 29 พ.ย. 62 ณ ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้ฝึกสอนจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ RAID (Recherche, Assistance, Intervention, Dissuasion) และล่ามแปล ในการฝึกอบรมฯครั้งนี้ ซึ่งกำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมประกอบไปด้วยข้าราชการตำรวจไทยกว่า 40 นาย
โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะต้องเป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ประกอบด้วย บช.น.(อรินทราช 26), บช.ก.(คอมมานโด), บช.ตชด.(นเรศวร 261) และหน่วยอื่น ๆ ที่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร
ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดจะต้องพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นผู้ที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดให้กับผู้ร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาได้
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมภารกิจการฝึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ารับการฝึกอบรม และคณะเจ้าหน้าที่ผู้ฝึกสอนจากหน่วยปฎิบัติการพิเศษ RAID และเป็นการกระชับความร่วมมือกับมิตรประเทศในการป้องกันปัญหาการก่อการร้าย สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันที่ปัญหาการก่อร้าย ถือเป็นการก่อการร้ายแบบไร้รูปแบบ (Asymmetric Warfare) และเป็นภัยคุกคาม ไร้พรมแดน เทคนิคของการก่อการร้ายได้พัฒนาตามความเจริญของเทคโนโลยี โดยการประยุกต์อาวุธรูปแบบต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการก่อการร้าย โดยเป้าหมายของการก่อการร้ายมักจะเป็นสถานที่สาธารณะ หรือแหล่งชุมชน เช่น ศูนย์การค้า อาคารที่ทำการของรัฐบาล เพื่อสร้างความเสียหายให้กับชีวิตพลเรือนและอาคารทรัพย์สินของรัฐบาล ซึ่งหมายความรวมถึง การก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องกับอาณาเขตที่มากกว่าหนึ่งประเทศ ส่งผลกระทบในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่ทวีความรุนแรง จนกลายเป็นปัญหาของทุกประเทศทั่วโลก จึงจำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานด้านดังกล่าวจำเป็นต้องเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านยุทธวิธีพิเศษมาต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติประเภทนี้ที่มีความสลับซับซ้อน
ดังนั้นโครงการดังกล่าวจึงจัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านการต่อต้านการก่อการร้าย การกระชับความสัมพันธ์ แสวงหาความร่วมมือกับนานาประเทศ เพื่อพัฒนาทักษะด้านการต่อต้านการก่อการร้าย อาทิ การรับมือกับผู้ก่อการร้ายในสถานการณ์ต่าง ๆ การช่วยเหลือตัวประกัน และเข้าตรวจค้นอาคารขนาดใหญ่ รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายการปฏิบัติงานและข่าวกรองระหว่างประเทศ อันจะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น .-สำนักข่าวไทย