กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – ธนาธร ปัดร่วมวงถกแก้รธน. วางตัว ปิยบุตร เป็นหลัก ยันศาลนัดตัดสิน20 พ.ย. คดีหุ้นสื่อ ไม่กระทบการทำงานทางการเมือง ไม่ถึงขั้นยุบพรรค
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยถึงแคมเปญกิจกรรม “อยู่ไม่เป็น” ว่าเป็นกิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 พ.ย.ที่จะถึงนี้ จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ไปร่วมงานในวันดังกล่าว ยืนยัน ไม่มีนัยยะต่อคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันที่ 20 พ.ย.เพราะเป็นกิจกรรมของพรรคที่จัดประจำส่วนเรื่องกระบวนการตัดสินในศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรคงไม่อาจไปก้าวก่ายได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจ
นายธนาธร กล่าวว่า ภายในพรรคกำลังศึกษากันอยู่เกี่ยวกับการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยพรรคจะวางตัวนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เป็นตัวหลักแน่นอน แต่สำหรับตนเองนั้นขณะนี้มีภารกิจในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 ดังนั้น การทำงานจากตอนนี้ถึงสิ้นปีคงจะมีเวลาออกไปทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญน้อยลง เพราะเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในคณะกรรมาธิารการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณฯ
เมื่อถามว่า หลังวันที่ 20 พ.ย.ไม่ว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร จะยังคงทำงานการเมืองในสภาต่อไปใช่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอน เพราะพรรคอนาคตใหม่ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลง การได้เป็นส.ส.หรือไม่ได้เป็นส.ส.ไม่ได้หยุดยั้งพวกเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้า เรายังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและแน่วแน่ เพื่อสร้างความฝันของเราให้เป็นจริง ทั้งนี้ หากผลคดี ทำให้ไม่ได้เป็นส.ส.พรรคก็จะไม่มีผลกระทบ
“ทุกคนตีความกันไปต่างนานาว่าจะยุบพรรค ผมต้องเรียนว่าคนที่พูดว่าพรรคเราจะโดนยุบทั้งหมด เคยศึกษาบ้างหรือไม่ว่าพรรคอนาคตใหม่โดนคดี โดนข้อร้องเรียนอะไรบ้างที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้ เรื่องการถือหุ้นสื่อไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับการยุบพรรค เป็นแค่ธนาธรมีคุณสมบัติเป็นส.ส.หรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับการยุบพรรค แล้วคดีที่มีอยู่ทั้งหมดจะนำไปสู่การยุบพรรคได้ก็ยากมาก เพราะการยุบพรรคจะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีกรณีใดบ้างดังนั้น เราเชื่อมั่นว่าคนที่พูดเรื่องยุบพรรค มีเป้าประสงค์ทางการเมืองเพื่อทำให้คนไม่กล้ามาร่วมงานกับพรรค เพื่อที่จะทำให้ส.ส.ของเราหวั่นไหวลังเลจะได้มีการซื้อกันได้ง่ายมากขึ้น พรรคยืนยันในความบริสุทธิ์” นายธนาธร กล่าว-.สำนักข่าวไทย