ซันติอาโก 24 ต.ค.- ชาวชิลีพร้อมใจกันผละงานทั่วประเทศ ออกมาชุมนุมตามท้องถนนในกรุงซันติอาโกและเมืองต่าง ๆ เพิ่มการกดดันประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเญรา หลังจากเหตุไม่สงบที่รุนแรงขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 คนแล้ว
นักเรียนนักศึกษา อาจารย์ และพนักงานภาครัฐผละงานตามการเรียกร้องของสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยไม่สนใจมาตรการชุดใหญ่ที่ประธานาธิบดีปิเญราประกาศเมื่อวันอังคารหวังบรรเทากระแสไม่พอใจ ตำรวจต้องใช้น้ำแรงดันสูงสลายผู้ชุมนุมในกรุงซันติอาโก ขณะที่กองทัพประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาลเมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นคืนที่ 5 ติดต่อกันแม้ประกาศใช้เพียง 6 ชั่วโมง ถือว่าสั้นที่สุด สถาบันแห่งชาติเพื่อสิทธิมนุษยชนแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 คน จากเหตุไม่สงบที่ทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว เริ่มจากการต่อต้านการขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดินในเมืองหลวงที่แม้ถูกยกเลิกไปแล้วแต่บานปลายกลายเป็นความไม่พอใจเรื่องช่องว่างคนรวยคนจน มีผู้บาดเจ็บ 269 คน และถูกจับกุม 1,900 คน
การประท้วงในสัปดาห์นี้สงบลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนที่เกิดเหตุรุนแรงทำลายทรัพย์สินและปล้นร้านค้าอย่างกว้างขวาง ถือเป็นเหตุรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ชิลีกลับมาปกครองในระบอบประชาธิปไตย หลังจากอยู่ภายใต้การปกครองแบบเบ็ดเสร็จของนายพลออกุสโต ปิโนเชต์ตั้งแต่ปี 2516-2533 ผู้จัดการประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและให้ทหารตำรวจ 20,000 นายกลับกรมกอง ผลสำรวจพบว่า ชาวชิลี 2 ใน 3 รู้สึกว่าไม่มีความเป็นธรรมและเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ การดูแลสุขภาพ และระบบบำนาญ แม้เศรษฐกิจชิลีโตร้อยละ 2.5 ธนาคารกลางได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 2.0 เหลือร้อยละ 1.75 และชี้ว่าเหตุไม่สงบขณะนี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ.-สำนักข่าวไทย