อุบลราชธานี 11 ต.ค.- นายกฯ ลงพื้นที่ จ.อุบลฯ ช่วยฟื้นฟูน้ำท่วมและซ่อมแซมบ้านเรือน ขอน้ำท่วมครั้งนี้ล้างใจ ไม่มีบาดหมาง อย่าไปหลงเชื่อการปลุกปั่นให้ร้ายต่างๆ ทำให้เกิดความเกลียดชัง เผย กำลังศึกษาแนวทางแก้ไขความยากจนจากจีน พร้อมให้กำลังใจญี่ปุ่นรับมือไต้ฝุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. วันนี้ (11 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มรว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี
นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังศาลาประชาวาริน ต.วารินชำราบ ชมวีดิทัศน์สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ จากนั้น มอบนโยบาย และมอบอุปกรณ์ฟื้นฟูครัวเรือน โดยมี ส.ส.ในพื้นที่ นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐในพื้นที่ อาทิ นายอดุลย์ นิลเปรม นายโกวิทย์ ธรรมานุชิต น.ส.โยธากาญจน์ ฟองงาม มาให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 เพื่อติดตามดูแลสถานการณ์ตามนโยบายของรัฐบาล การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ได้อนุมัติมาตรการที่เหมาะสมให้ความช่วยเหลือ และอนุมัติงบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของการให้ความช่วยเหลือครอบครัวละ 5,000 บาท และงบฯ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ได้มีการช่วยเหลือในเรื่องของการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย รวมถึง รถยนต์ ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส รัดกุม
“ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ ที่ร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา เพราะรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้เพียงตามลำพัง และขอให้ทุกคนมีกำลังใจ นายกรัฐมนตรีก็มีกำลังใจของนายกรัฐมนตรีเอง รัฐบาลยืนยันที่จะช่วยเหลือในทุกพื้นที่ เพราะเป็นรัฐบาลไม่สามารถที่จะเลือกพื้นที่ได้ แม้ว่าพื้นที่นั้นจะเป็นพื้นที่ของใครก็ตาม และยินดีที่จะพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศ แต่จะต้องอยู่ในช่องทางที่ถูกต้อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังให้ศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาของประเทศจีน ที่สามารถเพิ่มรายได้ประชาชน และ หลุดพ้นจากปัญหาความยากจนได้หลายล้านคนภายในเวลาไม่กี่ปี แต่วิธีการนั้นเราต้องมาดูว่าทำได้แค่ไหน และแตกต่างกันอย่างไร ในระบอบประชาธิปไตยของเรากับสังคมนิยมประชาธิปไตย แต่ทั้งหมดอย่าไปคำนึงถึงว่าจะเป็นระบอบอะไร ขอเพียงร่วมมือกันทำในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ต่อตัวเองและครอบครัว นั่นคือประชาธิปไตยแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าจะเอาประชาธิปไตยไปอีก จนกระทั่งไร้ขีดจำกัด นั่นก็ต้องไปดูสิว่า ประชาชนเขาว่ายังไง เขาพร้อมจะไปถึงตรงนั้นแล้วหรือยัง ผมไม่สามารถไปก้าวล่วง ก้าวล้ำท่านได้ สิทธิของท่าน แต่อย่าลืมว่าต้องมีหน้าที่ ความรับผิดชอบ จิตสำนึก และอุดมการณ์ ความรักชาติ ประเทศไทยผ่านวันเวลาต่างๆ มายาวนานแล้ว กว่าจะเป็นเราวันนี้ หลายร้อยปีแล้ว แล้วพวกเรายังต้องสร้างคนสร้างชาติต่อไปอีกในวันข้างหน้า อีกหลายร้อยปี เราต้องสร้างชาติเราให้มั่นคง ให้เข้มแข็ง อย่าไปหลงเชื่อการปลุกปั่นให้ร้ายต่างๆ ทำให้เกิดความเกลียดชังกัน มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก ถึงจะแก้ปัญหาประเทศนี้ได้ แต่ผมชื่อว่าพวกเราใจสู้อยู่แล้ว คนไทยใจสู้ใช่หรือไม่
“ผมมีชีวิตมาอย่างนี้ โตขึ้นมา บางเวลาก็อ่อนแอ อ่อนไหว แต่ถึงเวลาก็ต้องสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นรัฐบาล เป็นข้าราชการ ต้องทำเพื่อคนอื่น และทำในสิ่งที่ถูกต้อง และวิธีที่ถูกต้องด้วย การทำให้คนรักเป็นเรื่องง่าย แต่เป็นรักชั่วคราวหรือไม่ ทำความเสียหายให้กับประเทศชาติหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่ผมคำนึงเสมอมา เพราะรัฐบาลนี้ประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง และรักกันดีมาตลอด หลายอย่างที่ ส.ส. พูดในสภาฯ ขอถนน ขอน้ำและไฟ หลายอย่างผมก็ดูให้ รวมถึง ข้อเรียกร้องต่างๆ ทั้งในโซเชียล และในสื่อฯ บางทีก็สร้างความเข้าใจผิดกัน สังคมก็เกลียดกัน ซึ่งวันนี้จะเกลียดกันไม่ได้อีกแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจประเทศญี่ปุ่นที่กำลังจะถูกพายุไต้ฝุ่นเข้าพื้นที่ และตนเตรียมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมส่งกำลังใจไปให้ด้วย เพราะถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน และจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน และในเดือนหน้า ไทยเตรียมที่จะเป็นประธานประชุมอาเซียน ขณะที่ ปลายเดือนนี้ตนจะต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมงานพระราชพิธีด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังวัดท่ากกแห่ ต.จะระแม เพื่อกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดท่ากกแห่ พร้อมถวายของ และมอบของให้ผู้ประสบภัย พร้อมทั้งเดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณทุกคนที่มาช่วยกัน ผมต้องการให้น้ำท่วมครั้งนี้ ล้างใจให้ทุกคนสะอาด ความบาดหมางจากนี้ไปจะไม่มีแล้ว เกลียดกันไปก็ไม่ได้ประโยชน์”
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมนางใบ แสงพฤกษ์ อายุ 73 ปี ผู้ป่วยติดเตียง โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจ พร้อมมอบของใช้จำเป็นให้กับผู้ป่วย จากนั้น นายกรัฐมนตรีร่วมกิจกรรมซ่อมบ้าน – คืนบ้านน่าอยู่ โดยนายกรัฐมนตรีได้ตอกตะปู ช่วยซ่อมแซมบันไดบ้าน มอบตู้ยาสามัญประจำบ้าน และแขวนป้ายบ้านเลขที่ พร้อมมอบอุปกรณ์ฟื้นฟูครัวเรือน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร . – สำนักข่าวไทย