กรุงเทพฯ 26 ก.ย.- ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นช่วงบ่าย คดีนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่า กทม. กับพวก รวม 8 คน คดีทุจริตที่จอดรถบางซื่อ หลังไม่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันจำเลยที่ 4 นายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่า กทม. ป่วยฉุกเฉินเข้าโรงพยาบาล
ศาลอาญารัชดา นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่า กทม. นายญาณเดช ทองสิมา อดีตรองผู้ว่า ฯ กทม. นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม อดีตที่ปรึกษาผู้ว่า กทม. นายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่า กทม. นายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัด กทม. นายสมควร รวิรัฐ หรือรวิรัช ผู้อำนวยการสำนักการคลัง ฯ นางอรุณพรรณ แก้วมรินทร์ อดีตผู้อำนวยการกองระบบการคลัง และนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีต ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางซื่อ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 -8 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตฯ ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2538 – 16 กันยายน 2540 พวกจำเลยใช้อำนาจในหน้าที่ให้กรุงเทพมหานครจัดซื้อที่ดินใช้เป็นที่จอดรถขยะ รถน้ำ และรถอื่นๆ ของ กทม. ย่านบางซื่อ ในราคา 270 ล้านบาท ซึ่งแพงเกินจริง เป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท และรับค่านายหน้าขายที่ดิน เป็นเงิน 18 ล้านบาท
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ทนายได้แจ้งต่อผู้พิพากษาว่าจำเลยที่ 4 คือนายสมคาด อดีตเลขานุการผู้ว่า กทม. ได้ป่วยฉุกเฉินเข้าพักรักษาตัวโรงพยาบาล แต่ไม่มีใบรับรองแพทย์มายื่นต่อผู้พิพากษา ศาลเห็นว่าไม่มีเอกสารยืนยัน ไม่น่าเชื่อถือ จึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นช่วงบ่ายแทน หากไม่มาศาลจะออกหมายจับทันที
สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกนายสมคาด ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็นนาย ชยุตจำเลยที่ 4 รวม 8 ปี และจำคุกนายชวนจำเลยที่8 รวม10ปี ส่วนจำเลยอื่นยกฟ้อง ต่อมาชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย1และ4 คนละ 5 ปี จำเลยที่ 8 กำหนด 7 ปี ส่วนจำเลยอื่นยกฟ้อง.-สำนักข่าวไทย