กรุงเทพฯ 30 ส.ค. – “ธรรมนัส” มอบนโยบายฝนหลวงฯ สานศาตร์พระราชา เร่งปฏิบัติการบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำที่อาจเกิดขึ้นในหน้าแล้งที่จะมาถึง
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้แก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญในการดูแลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนเกี่ยวกับปัญหาภัยแล้งและภัยพิบัติต่างๆของประเทศ ฝนหลวงช่วยเหลือดูแลพื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทานกว่า 110 ล้านไร่ การเติมน้ำให้เขื่อนและอ่างเก็บน้ำสำคัญทั่วประเทศ บรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่า พายุลูกเห็บ และปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ รวมถึงพัฒนางานวิจัยและเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งภารกิจดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการสืบสาน รักษา และต่อยอดศาสตร์พระราชา รวมถึงการปฏิบัติตำราฝนหลวงพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อันจะเป็นการป้องกันและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี
ทั้งนี้นโยบายเร่งด่วนคือ การแก้ปัญภัยแล้งทั้งที่กำลังวิกฤติในหลายพื้นที่ขณะนี้และที่อาจเกิดขึ้นในฤดูแล้ง จึงกำชับให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเตรียมการรับมือ วางแผนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แก้ไขปัญหาให้ตรงเป้าหมายและความต้องการของพี่น้องเกษตรกรและประชาชน รวมทั้งให้บูรณาการที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ กำลังพลต่างๆ เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศให้ครอบคลุมและทั่วถึง
สำหรับการเพิ่มอัตรากำลังบุคลากรที่ปฏิบัติภารกิจต่างๆ บุคลากรของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากกรมฝนหลวงมีภารกิจปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 ตุลาคม ของทุกปี รวมเป็นระยะเวลา 8 เดือนเต็มโดยไม่มีวันหยุดราชการ บุคลากรทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักบิน เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคยังมีไม่เพียงพอสำหรับภารกิจการปฏิบัติงานที่มากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติเพิ่มอัตรากำลังไปยังคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยอัตรากำลังที่ขอรับการสนับสนุน เป็นตำแหน่งข้าราชการ จำนวน 321 ตำแหน่ง และพนักงานราชการ จำนวน 475 ตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น 796 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ร้อยเอก ดร.ธรรมนัส ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากด้านอัตรากำลังที่ต้องเร่งดำเนินการแล้ว การดำเนินการจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการดัดแปรสภาพอากาศตามศาสตร์พระราชา ที่บริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในพื้นที่จำนวน 50 ไร่ เป็นเรื่องที่จะเร่งดำเนินการด้วย เพื่อให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีความพร้อมในการเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านการดัดแปรสภาพอากาศตามศาสตร์ของพระราชา ภายในปี 2580 ซึ่งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ จะจัดตั้งเป็นศูนย์ฝนหลวงเฉลิมพระเกียรติ ให้บริการข้อมูลความรู้เกี่ยวโครงการฝนหลวงภายในหอเฉลิมพระเกียรติ พัฒนาบุคลากรด้านวิจัยและด้านปฏิบัติการ เป็นศูนย์การสร้างเครือข่ายวิชาการ(ในประเทศ/ต่างประเทศ) ควบคุมคุณภาพการปฏิบัติการฝนหลวง ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการดัดแปรสภาพอากาศตามศาสตร์พระราชา รวมทั้งมีศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนบน เพื่อรองรับปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ตอนบน ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่และสนับสนุนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมสำรวจ ออกแบบอาคาร สิ่งก่อสร้าง และเตรียมจัดตั้งของบประมาณดำเนินการในปี 2564-2567 รวมถึงขอสนับสนุนอัตรากำลังเพิ่มเติมเพื่อรองรับปฏิบัติงานด้านการวิจัย พัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยี การฝึกอบรมและระบบควบคุมคุณภาพการปฏิบัติการฝนหลวง และห้องปฏิบัติการวิจัยด้านต่าง ๆ อีกจำนวน 19 อัตราด้วย
ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกล่าวว่า ขณะนี้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะมีการจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดการบินดัดแปรสภาพอากาศที่สนามบินตาก อำเภอเมืองตาก จังหวัดตา เพื่อเป็นศูนย์ถ่ายทอดความรู้ด้านการบินปฏิบัติการฝนหลวงและการบินดัดแปรสภาพอากาศให้แก่ผู้สนใจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นศูนย์ฝึกให้แก่นักบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร อีกทั้งเพื่อขยายพื้นที่การปฏิบัติการฝนหลวงให้ครอบคลุมในพื้นที่ภาคเหนือ แก้ปัญหาภัยแล้งและบรรเทาภัยพิบัติที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยอยู่ระหว่างการขอใช้สถานที่และจัดตั้งงบประมาณ รวมถึงปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรีซึ่งกองทัพอากาศออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนที่สำนักงบประมาณพิจารณาการใช้งบประมาณต่อไป สำหรับการปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ในครั้งนี้ เป็นการปรับปรุงทางวิ่งของสนามบินให้ได้มาตรฐาน เครื่องบินปฏิบัติการฝนหลวงสามารถขึ้น-ลงได้อย่างปลอดภัย รองรับเครื่องบินขนาดเล็ก (CARAVAN) และขนาดกลาง (CASA) ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ และสามารถพัฒนาเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์ของจังหวัดจันทบุรีในอนาคตต่อไป . – สำนักข่าวไทย